"Girl Time [Vol.I : You’ re Not Alone]"
Chapter I: Walk in joy with me…my friend
ผืนกำมะหยี่สีดำในยามรัตติกาลมีแสงนวลส่องกระจ่างทั่วผืนฟ้า เฉกเช่นเดียวกับเสียงหรีดหริ่งเรไรที่แข่งกันประสานเสียงขับกล่อมสรรพสัตว์ในพงพนา รวมไปถึงผู้คนที่หลับใหลอยู่บนบ้านพักตากอากาศ มีเพียงแสงรำไรของตะเกียงพายุส่องวิบวับอยู่ตรงชานเรือน กับควันจาง ๆ ที่เกิดจากการเผาฟางหญ้าเพื่อขับไล่ยุงอยู่ข้าง ๆ ชาน
เงาของใครบางคนเดินตรงเข้ามาหาร่างหนึ่งร่างที่นอนเอกเขนกอยู่บนเก้าอี้พับ พลางทอดสายตามองดาวเดือนที่สกาวพร่างพราวอยู่บนท้องนภา พร้อมกับยื่นแก้วมัคก์ที่มีควันหอมฉุยของไมโลส่งให้ พร้อมกับประโยคคำถามที่เพิ่งคุยค้างไว้ก่อนเข้าไปชงไมโลร้อนให้ตน และเผื่อมาถึงคนที่นอนเอกเขนกนับดาวอยู่ตรงนี้ด้วย
“นับดาวได้เท่าไหร่แล้วเพื่อน เห็นนอนนับมานานแล้ว”
คนนอนนับดาวขยับลุกจากนอนเป็นนั่งพลางรับแก้วไมโลมาถือไว้ ก่อนจะมองพลางยิ้มตาหยี ทำไหล่ยึกยักส่งให้
“นับได้อินฟินิตี้วะเพื่อน ไม่รู้จะสิ้นสุดตรงไหน เลยไม่นับล่ะ รอดื่มไมโลดีกว่า ฮ่าฮ่า” พูดพลางยกแก้วมัคก์ขึ้นดื่ม
"ฮ้า เยี่ยม ขอบใจนะสำหรับไมโลรสเลิศ” เสียงชมพร้อมกับภาพสองมือโอบแก้วมัคก์ไว้ พลางทำปากยื่นเป่าลมลงแก้วให้ไมโลเย็นนั้นทำให้คนมองถึงกับฉีกยิ้มแล้วหัวเราะในลำคอเบา ๆ
…กี่ปี ๆ ก็ไม่เคยเปลี่ยน ร่ำร้องจะดื่มไมโลร้อน ๆ หรือไม่ก็กาแฟร้อน ๆ แต่พอได้ก็ชอบรอให้เย็นก่อนถึงจะดื่ม...หรือไม่ก็นั่งเป่าให้เย็น...แล้วแบบนี้จะให้ชงทำไมน้า...
นึกได้ก็ส่ายหน้าไปมา ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้พับที่ตั้งเยื้องๆ ตัวที่อีกคนนั่งอยู่ แล้วกับยิงคำถามต่อจากที่ค้างไว้อีกครั้ง และคราวนี้เป็นคำถามที่ชวนให้คนกำลังก้มหน้าเป่าไมโลร้อนให้เย็นหันกลับมาเล่าให้ฟังต่อ
“แล้วยังไงต่อ นายยังเล่าให้ฟังไม่จบเลย หลังจากแปะนิยายที่แต่งขึ้นเองลงในบอร์ดนี้”
คำถามนั้นทำให้คนกำลังพ่นลมใส่ไมโลร้อนต้องหยุดและเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนแวบหนึ่ง...แก้วมัคก์ถูกโอบด้วยมือสองข้างอีกครั้ง...เมื่อคนเล่าเรื่องเริ่มย้อนนึกกลับไปถึงวันที่สรรหาบอร์ดสำหรับลงนิยายของตน...
บอร์ดสำหรับลงนิยายตรงแนวของตนปรากฏต่อหน้าทันทีที่พิมพ์ชื่อแนวของนิยายลงไป
‘วู้...เจอแล้ว บอร์ดขยายอาณาเขตรักขั้วเดียวกัน ฮ่าฮ่า โพสลงนี่แหละ...ดูสิจะเป็นยังไง จะโดนขับไล่ไสลบ กลบไม่ให้นิยายแนวนี้ลงไหม’ เสียงบ่นพึมพำเบาๆ คนเดียวอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เก่าๆ เอ่ยขึ้น ขณะที่มือก็สาละวนอยู่กับการสมัครสมาชิก
‘ได้แล้ว...เป็นสมาชิกแล้ว คราวนี้ก็ได้บ้านสำหรับโพสนิยายแล้ววุ้ย หุหุ’
เสียงพูดกระหยิ่มเบาๆ กับทีท่าเหมือนคุยอยู่กันใครหน้าจอคอมพ์...ดูไม่ต่างกับคนบ้าเลยสักนิด...ก่อนที่เสียงพึมพำพร่ำบ่นนั้นจะเงียบไป เมื่อสายตาเริ่มเพ่งจอ ส่วนมือก็สาละวนอยู่กับการเคาะแป้นบ้าง เลื่อนเมาส์ไปมาบ้างได้สักพักร่างนั้นก็เอนพิงพนักเก้าอี้ สายตาก็มองหน้าจอ ดูบอร์ดที่มีนิยายของตนปรากฏหราอยู่บนนั้น...นิ้วเคาะเมาส์เบาๆ พร้อมกับคำพูดที่เอ่ยกับตนเอง
‘ได้เวลาเปิดโลกนิยายหญิงรักหญิง ณ ที่แห่งนี้แล้ว จะรอดูสิว่าเวลาของนิยายเรื่องนี้จะเป็นยังไงต่อไป จะเป็นนิยายแบบอินฟินิตี้ หรือนิยายแบบจบแล้วจบเลย’ คำพูดนี้ดังขึ้นและจบลงพร้อมกับคำว่า turn off หน้าจอ
“แล้วสรุปว่าหลังจากนั้นนิยายของนายจบแบบไหน ระหว่างนิยายไม่รู้จบกับนิยายจบแบบเศร้าๆ”
เสียงของคนที่นั่งฟังคำบอกเล่ายังคงเอ่ยถามต่อ...แม้จะรู้ว่าคำตอบนั้นไม่จำเป็นต้องตอบเขาก็รู้...แต่เขาก็อยากฟัง...อยากฟังมุมมองของคนเล่า ว่าคนเล่าคิดอย่างไรกับผลพ่วงที่ได้รับจากการโพสนิยายลงบอร์ดนั้น
บัดนี้ไมโลร้อนกลายเป็นไมโลเย็นโดยไม่ต้องเป่าแล้ว เสียงซดดังอักๆ จนหมดแก้ว ตามด้วยน้ำเปล่าอีกสองถึงสามอึก ก็ทำให้คนเล่ามองหน้าเพื่อนที่ตอนนี้เปลี่ยนจากท่านั่งเป็นท่านอนสบายๆ พลางจ้องมองคนเล่าอย่างตั้งใจฟังคำตอบ
“นิยายในบอร์ดน่ะจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งว่ะ แต่ผลพ่วงที่ได้จากนิยายเป็นแบบอินฟินิตี้ ...แบบไม่รู้จบ เพราะไม่รู้จะจบตรงไหน” น้ำเสียงหนักแน่นกับแววตาที่มองคนตั้งใจฟังในขณะนี้ ฉายชัดดังคำพูด...
...เพราะนิยายไม่มีจุดจบเรื่องนี้...เป็นนิยายที่มีชีวิตชีวาอย่างแท้จริง...มีทุกเรื่องราวที่โลดแล่นอยู่ในนี้ โลดแล่นไปตามจังหวะของชีวิตแต่ละคน...
“แล้วผลพ่วงที่ได้จากนิยายของนายคืออะไรล่ะ ถึงได้ชื่อว่า นิยายไม่รู้จบ” คราวนี้คนถามขยับตัวลุกขึ้นมาเป็นท่านั่ง พลางวางแก้วในมือลงข้าง ๆ ขาเก้าอี้พับ ส่วนตายังคงเหล่มองคนเล่าเรื่อง
“คำเดียวสั้นๆ มิตรภาพ ที่ได้จากเพื่อนนักอ่านด้วยกัน มันก็ไม่ต่างจากเราสองคนและคนอื่นๆ อีกหลายคนที่เป็นเพื่อนกัน...” รอยยิ้มในตาของคนตอบทำให้คนฟังพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย และก่อนที่คนฟังจะได้พูดอะไร เสียงเบา ๆ แต่ฟังดูหนักแน่ก็ลอยเข้ามากระทบหูอีกครั้ง
“ไม่เพียงมิตรจากเพื่อนนักอ่าน แต่เพื่อนนักอ่านยังดึงมิตรของตนเข้ามาผูกสัมพันธภาพต่อกัน เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว นายคิดว่า...นิยายเรื่องนี้จะมีวันจบไหม”
คำถามนี้ทำให้คนฟังมองหน้าคนถามอีกครั้ง...ปากยังไม่ตอบ...แต่ใจของเขาตอบคำถามนี้ให้ตั้งแต่ได้ยินเรื่องเล่าเรื่องนี้มาก่อนที่จะมาพักผ่อนที่บ้านพักหลังนี้แล้วว่า…ไม่มีวันจบ...ตราบใดที่ยังเป็นเพื่อนกัน
“ว่าไง นายว่ามีวันจบไหม” เสียงถามเป็นครั้งที่สองดังขึ้น พร้อมกับลุกขึ้นยืนแล้วบิดขี้เกียจไปมา ก่อนจะเอียงหน้า ยักคิ้วให้เพื่อน
คำตอบที่ได้รับคือ การส่ายหน้า ซึ่งหมายความว่า ไม่มีวันจบ...รอยยิ้มผุดขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับหมุนตัวตั้งท่าจะเดินเข้าบ้านพัก แต่ก่อนจะเข้าไปก็ไม่วายหันกลับมาก้มลงหยิบแก้วมัคก์ของตนขึ้นมาถือไว้ พร้อมกับพูดว่า
“นิยายอิงชีวิตจริงเรื่อง Girl Time เริ่มขึ้นตั้งแต่พวกเราได้พูดคุยและโต้ตอบกันผ่านบอร์ดนั้นแล้ว และตอนนี้ก็เขยิบมาเป็นออนไลน์ และพบปะกัน...แล้วเดี๋ยวเราจะเล่านิยายชีวิตสนุกๆ ของแต่ละคนให้นายฟัง และอีกไม่นานนายก็จะได้รู้จักพวกเขาเหมือนกับที่เรารู้จักนั่นแหละ”
จากนั้นร่างของคนพูดก็ค่อย ๆ เดินหายเข้าไปในบ้านพัก...โดยมีสายตาของคนฟังมองตาม พร้อมกับเสียงพูดที่เอ่ยขึ้นลอย ๆ ตามหลัง
“ถ้างั้นขอฟังเรื่อง Girl Time คนแรกควบอาหารเช้าของวันพรุ่งนี้ก็แล้วกันนะเพื่อน” และคำพูดขอแบบลอยๆ นั้นก็ได้รับคำตอบดังกลับมาจากในบ้านว่า
“เมี้ยว”
*** เรื่องยังไม่จบ...เพราะซีรี่ส์นี้ยังอีกยาว หุหุ***
1 ความคิดเห็น:
ช่ายยยยยยย.....ขอฟังเรื่อง Girl Time คนแรก เป็น ออเดิฟ อิอิ
แล้วต่อด้วย คนที่ 2, 3, 4, 5, 6, 7
เอ๊...นิยายแบบไม่รู้จบจะดำเนินไปอย่างไรหนอ....
แสดงความคิดเห็น