วันอังคารที่ ๑๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๐

Chapter III: New Beginning "มาเฟียวัยรัก"



Chapter III: New Beginning
“มาเฟียวัยรัก”

‘ตู๋ตุ๊ด ตู๋ตุ๊ด’ (Sound of MSN)
'ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง’ (Sound of Shake)
TingTing: เดี๋ยวพี่ดึงเพื่อนรุ่นน้องมารู้จักกับโอปอลอีกคนนะ เขาชื่อ ทิคเก็ตนะ
Opal: ได้เลยพี่

ทันทีที่คำตอบรับของโอปอลโผล่ขึ้นหน้าจอ ยุทธการดึงทิคเก็ตเข้ามาช่วยกลั่นกรองก็ตามมาติดๆ ขณะเดียวกันคนทำหน้าที่ดึงโอปอลมารู้จักกับทิคเก็ตก็ปลีกตัวออกไปหาความวิเวกให้กับตนเองด้วยการทำงานต่อ ขณะเดียวกันก็เปิดหน้าจอซ้อนเพื่อดูบทสนทนาผ่านทางออนไลน์ มีเข้าไปเจ๋อบ้างเป็นบางครั้ง

หลังจากนั้นกระบวนการไต่สวนแบบซอกแซกและเนียนๆ ของจอมวายร้ายอย่างทิคเก็ตก็เริ่มขึ้น แต่จะเริ่มจากตรงไหนนั้นคนตามอ่านก็ไม่อาจรู้ได้ แต่ที่รู้ได้ก็คือ หนึ่งวายร้ายอย่างทิคเก็ต กับหนึ่งมาเฟียร่างยักษ์อย่างโอปอลก็กลายเป็นคู่หูชู้ชื่นของกันและกัน เพียงเพราะทั้งสองล้วนอยู่ในโหมดหัวอกเดียวกัน...

คือ โหมดภายใต้ระบอบนารีธิปไตย...ระบอบที่มีกฎห้ามโต้แย้ง ต้องอ่อนน้อมแลอ่อนโยน และต้องกลับบ้านตรงเวลา
รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏขึ้นในใจของคนอ่าน...ในที่สุดการหยั่งเชิงของวายร้ายทิคเก็ตกับโอปอลก็จบลงและได้...มิตรออนไลน์เพิ่มอีกหนึ่ง...

หนึ่งมิตรที่มาพร้อมคำถามกับความสงสัย...และประโยคสุดฮิตติดปาก “ทำไม ทำไม และทำไม”

“จริงนะพี่...โอปอลเนี่ยเป็นพี่ของเจ้าหนูจำไมชัด ๆ ทั้งช่างซัก ทั้งอยากรู้อยากเห็นแทบทุกลมหายใจ พอเจอพ่อช่างซักซักมากเข้า เหนื่อยแทนเลยพี่” เสียงทิคเก็ตพ่นบ่นอย่างรักแกมเอ็นดูขึ้นมาลอย ๆ จนคนฟังต้องยิ้มกริ่ม...พลางนึกในใจ

‘โอปอลเป็นเจ้าหนูจำไม...ทิคเก็ตก็เป็นนกแก้วนกขุนทองเพราะจ้อไม่หยุด ฮะฮ่า’

“แต่ถึงแม้โอปอลจะช่างซัก แต่ก็เป็นคนฟังที่ดีนะพี่ รับฟังทุกเรื่อง” แม้จะบ่นพึมแต่วายร้ายอย่างทิคเก็ตก็อดที่จะชมชู้รัก (ในใจ) ในบางครั้งและในบางคราก็เปลี่ยนสถานภาพมาเป็นซี้ย่ำปึ้กอย่างโอปอลให้ฟังไม่ได้

‘...ใช่ รับฟังทุกเรื่อง ถ้าไม่รับฟัง คงได้แย่งพูดกับทิคเก็ตชัวร์’ เสียงเอ่ยเสริมต่อจากคำพูดของทิคเก็ต

และแล้ววันหนึ่งเสียงตะแหง่ว ๆ ของทิคเก็ตก็ดังมาตามสาย

“พี่ๆ ชวนโอปอลไปดื่มเหล้ากันดีกว่า เป็นการกระชับมิตรให้มากขึ้น ดีไหมพี่” หลังจากคุยผ่าน MSN ได้สักระยะ อาการอยากเจอตัวเป็น ๆ ก็เริ่มขึ้น...เจอเพื่อหยั่งเชิง...เจอเพื่อเรียนรู้และรู้จักกันมากขึ้น...

“แล้วโอปอลจะไปได้เหรอ...”

“ได้มั้ง ไม่รู้เหมือนกัน แต่ไงก็โทรถามก่อนละกัน ไปร้านไหนดีพี่ ร้านเก่าดีไหม” คำถามยิงกลับมาอีกครั้ง และคำตอบที่เห็นร่วมกันก็คือ ร่ำเมรัย ณ ร้านเดิม

ร้านที่ครั้งหนึ่งเคยพาวายร้ายไปฮาเฮ (ขึ้นครู)...เพื่อกระชับมิตร (ซึ่งปัจจุบันนี้ร้านแห่งนี้ก็กลายเป็นแหล่งมั่วสุม รวมพลคนเสเพลแทบจะทุกโอกาส...) และครั้งนี้ก็จะเป็นครั้งแรกของโอปอลเช่นกัน แต่เป็นครั้งที่สองของเจ้าวายร้าย และเป็นครั้งที่บ่อย ๆ ของคนเขียน...

วันแรกของการนัดพบ

“พี่เดี๋ยวทิคเก็ตทำงานก่อนนะ พี่กินเค้กรอโอปอลที่ร้านเบเกอรี่หวานนี่นะ เดี๋ยวสองทุ่มทิคเก็ตจะตามมา”

“อืม”

เสียงขานรับกับอาการพยักหน้าตอบของคนฟังทำให้ทิคเก็ตเดินจ้ำออกจากร้านไป...ส่วนคนฟังเริ่มนั่งซดกาแฟ จิ้มเค้กเล่น และเจื้อยแจ้วสารพัดเรื่องกับสาวเจ้าของร้านรอน้องโอปอล...อาการเจื้อยแจ้วเป็นนกแก้วเริ่มเพลาลงเมื่อนาฬิกาบอกเวลาว่า ขณะนี้เวลาทุ่มครึ่ง...

สายตามองออกนอกร้าน...ขณะที่กลุ่มลูกค้าสาวน่ารักๆ สองถึงสามคนเริ่มทยอยเดินเข้ามานั่งในร้านกาแฟ และเป็นเวลาเดียวกันกับที่คนรอเริ่มกระสับกระส่าย เพียงเพราะนั่งรอมาตั้งแต่ห้าโมงกว่าเกือบหากโมงเย็น ถ้ายังขืนนั่งรอต่อ ดีไม่ดี...อาจได้ขอสมัครเป็นพนักงานเสิร์ฟของร้านแน่ๆ ...

เมื่อนึกได้เช่นนั้น คนรอรีบขยับตัวลุกขึ้น...พร้อมกับคิดในใจ

‘ไปเดินเล่น หรือนั่งรอที่ป้ายรถเมล์ หรือในสวนสาธารณะก็ได้ฟ่ะ ดีกว่านั่งอยู่ในนี้ โดยไม่สั่งอะไรอีก เดี๋ยวโดนจับโยนออกนอกร้านคงได้หน้าแหกยับแหงม ๆ ทำไมมาเฟียร่างยักษ์มาช้าจังหว่า’

“เออ...ถ้าเพื่อนรุ่นน้องร่างยักษ์มา ฝากบอกเขาด้วยนะว่า คนที่รอไปรออยู่ในสวนสาธารณะฝั่งตรงข้ามแล้ว รอในนี้ต่อเกรงใจ เห็นลูกค้ามาเยอะแล้ว” เสียงคนรอพูดพร้อมกับชี้นิ้วไปยังฝั่งตรงข้ามที่เป็นสวนสาธารณะ ส่วนสาวเจ้าของร้านกลับยิ้มหวานส่งให้

“รอในนี้ก็ได้ค่ะ ไม่เป็นไร” ไม่เพียงแค่พูดเท่านั้น แต่สาวเจ้าของร้านยังเดินขยับเข้ามาที่โต๊ะ และหยิบแก้วกาแฟที่ดื่มหมดแล้วขึ้น ก่อนจะหยิบแก้วน้ำเปล่าที่ยังมีน้ำเหลืออยู่ตามขึ้นไป พร้อมกับนำไปวางไว้ที่โต๊ะอีกตัว

“นั่งตรงนี้ดีกว่าค่ะ แอร์ลงตรงนี้จะได้เย็น ใต้โต๊ะมีนิตยสารให้อ่านเล่นด้วยค่ะ” เสียงหวานๆ บอกอย่างเอื้ออารี และเป็นสิ่งที่คนฟังไม่คิดจะปฏิเสธเลย

“ขอบคุณค่ะ เจ้าของร้านใจดีจัง” พูดจบ คนพูดก็รีบหย่อนก้นลงนั่งทันที พร้อมกับเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

“พี่รออยู่น้อง นี่ นี่ เห็นพี่มั้ย” เสียงตอบรับปลายสายพร้อมกับอาการชูมือแสดงตัวตนทำให้มาเฟียอย่างโอปอลรีบกดวางสาย และเดินเข้ามาในร้าน

“หวัดดีพี่ พี่มานานยัง ขอโทษที่มาช้า ตะกี้โทรหาพี่ทิคเก็ต เขาบอกเดี๋ยวตามมา” เสียงแหบเสน่ห์เล็กๆ มาพร้อมคำทักทาย และคำถาม ตามด้วยการรายงานผลของอีกคน ส่วนคนฟังได้แต่ยิ้ม พลางนึกในใจ

‘สมกับเป็นมาเฟีย ตัวใหญ่จริงๆ ขาก็ย๊าวยาว เกิดพูดไม่เข้าหูจะโดนเตะก้านคอไหมวะเนี่ย’ และแล้วคนคิดก็ทำใจดีสู้มาเฟียด้วยการหยิบเกมหมากที่วางอยู่ใต้โต๊ะขึ้นมาชวนเล่นพร้อมกับชวนคุย

“อือ มารอโอปอลคนเดียวเลยนะเนี่ย อ่ะ...ดื่มกาแฟหรือกินอะไรรอทิคเก็ตก่อนไหม” จากนั้นคำตอบที่ได้รับก็คือ การส่ายหน้าปฏิเสธรับเครื่องดื่มใดๆ แต่ตอบรับที่จะเล่นหมากเกมนี้รออีกคน... และรอเวลาที่จะไปท่องราตรีอีกครั้ง

‘ตู๋ตุ๊ด ตู๋ตุ๊ด’ (Sound of MSN)
‘ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง’ (Sound of Shake)
TingTing: มีจดหมายแฉจากใครหลายคนส่งมาให้พี่น่ะ สนใจอ่านไหมโอปอล
Opal: สนใจพี่ ส่งมาเลย ว่าแต่ใครแฉใครเหรอพี่

คำถามยิงผ่านทาง MSN มาจากโอปอลทันทีที่เจ้าตัวอ่านเจอคำว่า แฉ... และนั่นก็ทำให้คนอ่านฉีกยิ้มกว้างทันที...อนจะพิมพ์ข้อความโต้ตอบเพื่อนเร่งอารมณ์อยากอ่านให้กับมาเฟียวัยรักร่างยักษ์

TingTing: จะใครเล่า ถ้าไม่ใช่แฉเรื่องชู้รักของเจ้าทิคเก็ต
Opal: ใครเหรอพี่ ชู้รักของพี่ทิคเก็ตน่ะ
TingTing: ก็น้องโอปอลไงเล่า
Opal: ฮ้า จริงเหรอ...งั้นส่งมาเลยพี่ติงลี่ เค้าจะอ่าน
TingTing: พี่ชื่อติงติงเว้ย ไม่ใช่ติงลี่ เดี๋ยวปั้ด...ไม่ส่งให้อ่านเลย
Opal: โอ๋ ๆ ติงติงก็ติงติง ส่งมาเร็วพี่ อยากอ่าน อยากอ่าน
TingTing: อืม...งั้นรับไปเลยน้อง...

บทความแฉของจอมวายร้ายถูกส่งผ่านไปให้โอปอลอ่าน... จากนั้นก็ตามด้วยเรื่องแฉๆ ของเพื่อนอีกหลายคนในก๊วน ซึ่งแต่ละเรื่องของแต่ละคนที่แฉนั้น ทำให้คนอ่านอย่างมาเฟียร้ายต้องอมยิ้ม และในรอยยิ้มนั้นก็แฝงไว้ด้วยมิตรภาพที่ค่อย ๆ ผลิบานมากขึ้น

ช่วงแฉแหลกแบบหยิกแกมหยอก...

แฉฉบับที่หนึ่ง...

‘สำหรับโอปอลน้องรักคนนี้ ทิคเก็ตขอตั้งฉายาให้ว่า เจ้าหนูทำไม…ทำไม...แล้วก็ทำไม...เหตุผลที่รักและกลายเป็นชู้รักของทิคเก็ตเพราะความฮา ฮาได้เข้าทางทิคเก็ตเหลือเกิน แถมยังมีเสน่ห์ดึงใจให้ทิคเก็ตหลงแทบโงหัวไม่ขึ้น (ดีนะที่โงหัวขึ้น ไม่งั้นเพื่อนอีกหลายคนคงต้องช่วยกันงมหาแหงม ๆ) นั่นก็คือ เป็นผู้ฟังที่ดี และเป็นน้องที่มีน้ำใจเยี่ยมช่วยพี่ทุกเรื่อง แม้กระทั่งเรื่องของหัวใจ...เพราะเราสองคนมันพวกหัวอกเดียวกัน…นั่นเอง…Ticket’

แฉฉบับที่สอง...

‘โฮะ ๆๆ หลังเจอะเจอเจ้าหนูจำไมร่างใหญ่ เจ้าของเสียงเล็กแหบเสน่ห์คนนี้แล้ว ทำให้พี่อัลฟ่าอดฮาไม่ได้เพราะความฮาของน้องโอปอลไม่ว่าจะเป็นใน MSN หรือตัวจริงก็ไม่ต่างกันเลย นอกจากนี้เจ้าน้องโอปอลร่างยักษ์ยังมีดีที่ทำให้พี่อัลฟ่าไม่เป็นเด็กหลงทาง เพราะ
เวลาไปไหนมาไหน หากไปไม่ถูกขอเพียงบอกโอปอล...โอปอลยิ่งกว่าอับดุล...เพราะโอปอลรู้ไปโหม้ด...อธิบายแป๊บเดียว พี่อัลฟ่าก็ไม่หลงทางแล้ว...แต่ถ้ายังไม่แน่ใจ น้องโอปอลชู้รักของวายร้ายทิคเก็ตก็จะส่งแผนที่รัก เอ๊ย ไม่ใช่ แผนที่เดินทางมาให้ พร้อมกับคำถามพ่วงมาเพื่อความแน่ใจ ‘พี่อัลฟ่าเข้าใจตามที่โอปอลส่งให้มั้ย’ โฮะ ๆๆ ส่วนเรื่องวีซ่าของน้องนั้น พี่อัลฟ่าก็เอาใจช่วยนะ ว่าคงมีสักวัน สักวันที่โอปอลจะได้วีซ่าให้ไปเที่ยวเฮฮาปาร์ตี้อย่างถึงรส ถึงชาติ แบบไร้การจำกัดขอบเขตกาลเวลาในยามค่ำคืน’

แฉฉบับที่สาม สี่ ห้า และหก...

‘หลังเจรจาต้าอ่วยผ่าน MSN กับโอปอลแล้ว ในที่สุดพี่อาเธอร์ก็ได้ขาเม้าท์มาอีกหนึ่ง ก่อนจะนัดดื่ม สังสรรค์และเฮฮากัน ในช่วงสงกรานต์ พี่อาเธอร์ละซึ้งใจจริง ๆ เมื่อน้องโอปอลแว่บมาหาพี่อาเธอร์ถึงในวัง ในสภาพเปียกปอน ฮ่า ๆ ช่างเป็นโอปอลที่เย็นสบายจริง ๆ’

‘โอปอลช่างเป็นชู้รักและคู่หูของทิคเก็ตดีเหลือเกิน อาจเป็นเพราะความเหมือน และความจริงจังในการทำงาน ความเอาเอาใจใส่ต่อคนที่บ้าน ความเฮฮาปาร์ตี้ และความสุภาพที่มีให้พี่ซิดนีย์คนนี้ ฮิฮิ’

‘ใครเล่าจะใจดีและเป็นรุ่นพี่ที่น่ารักเหมือนพี่โอปอล...เกี๊ยวกุ้งรักพี่โอปอลค่า’

‘ถึงกุ๊กก้าจะตัวเล็กกว่าพี่โอปอล แต่กุ๊กก้าก็ไม่กลัวพี่โอปอลหรอก แม้จะตกใจนิด ๆ แต่กุ๊กก้าก็ไม่กลัว เพราะกุ๊กก้าชอบ’

“ก๊าก ฮ่าฮ่า”
เสียงหัวเราะกังประสานกันทั้งคนฟังและคนเล่า หลังฟังรายการแฉมาเฟียวัยรักจบ ก่อนที่คนเล่าจะได้ยินคำถามจากยัยตัวเล็กอีกครั้ง

“ไม่เพียงเป็นเจ้าหนูจำไม ยังเป็นเจ้ากรมทางหลวงเสียด้วย แถมพ่วงยังเป็นคู่หูชู้ชื่นกับวายร้ายน้องรักอย่างทิคเก็ตเสียด้วย ร้ายไม่เบาเลยนะเนี่ย อืม...จากรายการแฉที่เล่าให้ฟังนั้น...แล้วอีกห้าคนนั้นเป็นอย่างไรบ้างล่ะ เฮี้ยว เซี้ยว และซ่าเหมือนสองคนนี้ไหม”

“อืม ก็เหมือนกันนะ แต่เซี้ยวและเฮี้ยวคนละแบบ แต่จะแบบไหนคงต้องถามอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์”

เสียงคนตอบตอบพลางนึกถึงช่วงเวลาที่วายร้ายอย่างทิคเก็ตและมาเฟียร่างยักษ์อย่างโอปอลช่วยกันนึกและคิด โดยมีอัลฟ่าและอาเธอร์ร่วมวงด้วย

“ใครเหรอ? อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ แล้วทำไมถึงเรียกแบบนี้ล่ะ’
คราวนี้ไม่ใช่เสียงของยัยตัวเล็ก หากแต่เป็นเสียงของเพื่อนอีกคน และนั่นก็ทำให้คนฟังระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างลืมตัว

“ฮ่า ๆๆ ก็เพราะไม่ว่าเวลาไหน หรือจะเมื่อไหร่ พอพวกเราออนไลน์ปุ๊บ ก็จะเจอพี่ซิดนีย์...หรืออธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ออนไลน์อยู่ไง...”

“อ้าว...ทำไมเขาออนตลอดเวลาล่ะ หรือเปิดทิ้งไว้” เสียงยัยตัวเล็กถามด้วยความฉงน

“ไม่ใช่หรอก...แต่เป็นเพราะพี่ซิดนีย์กับพวกเราอยู่กันคนละเวลาน่ะสิ”

“ฮ้า คนละเวลา อย่าบอกนะว่าเขาอยู่คนละภพกับพวกเรา เอ๊หรือว่าฉันกำลังฟังเรื่องทวิภพอยู่ละเนี่ย” คราวนี้ยัยตัวเล็กแสร้งทำเสียงตระหนกแกมประชดเมื่อนึกถึงคำพูดที่ว่า...อยู่กันคนละเวลา...

“ฮ่า ๆๆ ยัยบ๊องเอ๊ย...นึกได้ไง คนละภพ จะบ้าเหรอ...ที่เราพูดคนละเวลาน่ะ หมายถึง เราอยู่กันคนละทวีปต่างหากเล่า ยัยบ๊องเอ๊ย พูดซะ...หมดอารมณ์เล่าเลย”

“เอ้า ใครจะไปรู้ล่ะ ก็พูดกำกวมเองนี่นา...เออ ว่าแต่ทำไมเขาถึงได้ฉายานี่ล่ะ...”

“ก็เพราะพวกเราเห็นว่า พี่ซิดนีย์รอบรู้และช่วยให้พวกเราไม่ตกข่าวนะสิ”

*** ซีรีส์นี้ยังไม่จบ...เดี๋ยวอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์จะมาแถลงการณ์ต่อ***

๓ ความคิดเห็น:

Another sunny day กล่าวว่า...

ฝากบอกยัยตัวเล็กน๊า....ว่าพี่ซิดนีย์ไม่ซ่าเหมือน วายร้ายน้องรัก กับ มาเฟียจำไม หรอกจ้า

"พี่ซิดนีย์ ..น่ารัก..เรียบร้อย..พูดน้อย..แสนดี"
^__^

แต่เดี๋ยวต้องจัดห้องรับรองที่กรมฯ ไว้เตรียมแถลงข่าวอย่างเป็นทางการซะแล้ว อิอิ

Perodua กล่าวว่า...

อ่า...แบบแว่ กลัวตกข่าวอ่ะคั๊บ ขอบุ๊คที่นั่งหนึ่งที่นะคั๊บพี่ซิดนีย์ เดี๋ยวห้องที่เตรียมไว้แถลงข่าวจะไม่มีที่ให้น้องผู้น่ารักนั่ง โฮ่ๆๆ

อ้อ..ขอที่นั่งริงไซด์ด้านหน้านะคั๊บ จะได้ออกกล้องชัดๆ คนมันหน้าตาดี๊ดี ก๊ากกกก.......

psycho_girl กล่าวว่า...

คริคริ แหมๆ พี่โอปอล บุ๊คที่ไม่เผื่อน้องเลยนะจ๊ะ
ไม่ได้ๆ ขาดน้องคนนี้ไปได้ไง
พี่ซิดนี่ย์ของเราจะแถลงข่าวทั้งที ต้องบุ๊คที่ให้ครบองค์ประชุมสิคะ

อืมมม... ว่าแต่ น้องเกี๋ยวกุ้ง สงสัยจังค่ะ ว่า
พี่โอปอลแอบเอาเวลาไหนไปสำรวจทางหลวงกันน้า
ก็วีซ่าขอยากขนาดนี้ อิอิ

^______^

ค้นของเก่า