วันพฤหัสบดีที่ ๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐

"Girl Time" [Chapter II: One Moment in Time]

Chapter II: One Moment in Time

“น้องรัก...วายร้าย”

“ฮ่า ฮ่า เอิ๊กๆ ก๊าก”

เสียงโห่ฮาป่าลั่นดังประสานเสียงกันจากคนสองคนที่นั่งอยู่คนละมุมตรงชานเรือนบ้านพักตากอากาศ และเสียงฮานั้นก็ทำให้ใบหน้าของใครบางคนที่กำลังเดินออกจากตัวเรือนยิ้มกว้างตามไปด้วย ก่อนจะเดินตรงเข้ามาหาเพื่อนที่นั่งยิ้มหน้าแป้นตามด้วยเสียงหัวเราะลงลูกคอดังหึหึ แล้วยื่นโค้กกระป๋องส่งให้

“ขำอะไรกัน เล่าให้ฟังบ้างสิ อยากขำด้วยคนน่ะ” เสียงเล็กใสเอ่ยขึ้น ขณะที่ใบหน้ายังมีรอยยิ้มแต่แววตาส่อแววสงสัย

“นี่เลย เธอมาเอาเอ็มพอร์ตนี่ไปอ่านดู แล้วจะรู้ว่าฮาแค่ไหน นี่แค่ข้อมูลนะยังฮาป่าลั่นได้แบบนี้ แล้วถ้าฟังมันเล่ายิ่งฮากว่านี้อีก” เสียงอีกคนดังมาจากอีกมุม พลางยื่นส่งเอ็มพอร์ตให้เมื่อมือเล็กๆ ของเพื่อนยื่นเข้ามารับไปอ่าน สักพักเสียงหัวเราะก็ดังออกมา ตามด้วย

“ฟีดแบล็กของแต่ละคนนี่น่ารักดีเนอะ ฮิฮิ ไหนเล่าให้ฟังหน่อยสิ ว่าเธอรู้จักเพื่อนกลุ่มนี้ได้ยังไง แต่แป๊บนะ เดี๋ยวไปเอาของก่อนค่อยเล่า” พูดจบร่างเล็ก ๆ ก็ผลุบหายเข้าไปในตัวเรือน เพียงชั่วแวบก็เดินออกมาพร้อมกับโน้ตบุ๊กในมือ และนั่นก็ทำให้คนอีกสองคนต่างมองหน้ากันเองแล้วทอดสายตามองเพื่อนสาวร่างเล็กเป็นตาเดียว พร้อมกับเสียงเอ่ยถามดังจากใครบางคน

“แค่ฟังก็พอมั้ง ไม่ต้องพิมพ์บันทึกก็ได้มั้ง หรือเธอจะเขียนเรื่องสั้นแข่งกับไอ้เนี่ย” พูดจบก็ชี้นิ้วไปที่อีกคน

“เปล่า ฉันเอามาทำงานของฉันด้วยต่างหาก ตอนฟังเรื่องเล่าอ่ะ”

เจ้าของโน้ตบุ๊กยังคงง่วนอยู่กับการเปิดหาข้อมูลของตนอยู่บนโต๊ะไม้ที่ตั้งชิดติดประตูทางเข้าตัวเรือน ส่วนเพื่อนอีกสองคนก็เดินเข้ามานั่งสมทบที่เก้าอี้ไม้พร้อมกับวางแก้วกาแฟ ไมโลลงบนโต๊ะ ส่วนกระป๋องโค้กถูกวางลงบนเครื่องโน้ตบุ๊ก ทำให้เจ้าของเครื่องเหล่มอง พลางเม้มปาก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนวาง

“โน้ตบุ๊กฉันไม่ใช่ที่วางกระป๋อง เอาออกเดี๋ยวนี้” นิ้วชี้เรียวเล็กชี้ตรงไปที่กระป๋อง พลางถลึงตาเขียวใส่ จนคนวางต้องรีบเอากระป๋องโค้กออก ตามด้วยเสียงบ่นพึมพำ

“ดุฉิบ เช้านี้กินน้ำตาลไปกี่ก้อนล่ะ” จบเสียงบ่นนั้น ก็ตามด้วยเสียงเบา ๆ ดังลอยข้ามศีรษะยัยตัวเล็กมา

“ถ้าไม่อยากตายเร็ว เราว่านายเล่าเรื่อง Girl Time คนแรกเลยเถอะ เราอยากฟังแล้ว แล้วเธอล่ะอยากฟังหรือเปล่ายัยตัวเล็ก ถ้าไม่อยากฟังก็ฆ่ามันเลย เราอนุญาต”

“อยากฟัง แต่ถ้าไอ้คนเล่าไม่เล่า ฉันก็ไม่ฟัง” พูดจบก็เปิดหน้าจอโน้ตบุ๊ก แล้วนั่งลง...จากตอนแรกคิดว่าจะทำงานไปด้วยฟังเรื่องเล่าไปด้วยแต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนใหม่เป็นไม่ทำงาน แต่เปิดเพลงพร้อมเปิดลำโพงตั้งเสียงเบา ๆ ให้ดังคลอไปกับเสียงเล่านิยายของเพื่อน พลางหยิบเอ็มพอร์ตขึ้นมาถือไว้ก่อนจะมองสลับกันระหว่างหน้าคนเล่าและบทฟีดแบล็กในมือ

“มิสเตอร์ทิคเก็ต เพียงเห็นรูป และได้คุยกันผ่านการออนไลน์ก็ทำให้รู้สึกเหมือนรู้จักกันมานาน คงเพราะความฮา ขี้เล่น การส่งมุกให้กัน ทำให้พี่ ๆ น้อง ๆ รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้คุยสนุก เป็นกันเอง และที่สำคัญมีสาระบ้างเป็นบางครา ฮิฮิ มิสเตอร์ทิคเก็ตเป็นแบบนี้จริงเหรอ”

น้ำเสียงอ่านกลั้วหัวเราะ กับประโยคคำถามอย่างคนอารมณ์ดีของยัยตัวเล็กทำให้คนฟังทั้งสองยิ้มตาม คนหนึ่งยิ้มเพราะนึกภาพตามน้ำเสียงของคนอ่านที่สามารถอ่านถ่ายทอดอารมณ์ราวกับรู้จักมิสเตอร์ทิคเก็ตเสียเอง ส่วนอีกคนยิ้มเพราะรู้จักมิสเตอร์ทิคเก็ตไม่ต่างจากบรรดาเพื่อน ๆ ที่ส่งฟีดแบล็กนี้มาให้อ่าน

“ฮ่าฮ่า จริง ๆ นั่นเป็นมุมมองของเพื่อน ๆ ในกลุ่มนี้ที่เขาได้สัมผัสและคิดเห็นเหมือนกัน แต่ไม่ได้มีเพียงเท่านี้นะ ไอ้ทิคเก็ตน้องรักคนนี้ ยังมีอีกหลายมุมที่ยังไม่พูดถึงนะ แต่ที่เราเห็นสงสัยร้ายไม่ใช่เล่น ฮ่าฮ่า...” คนเล่าพูดน้ำเสียงกลั้วหัวเราะดังกว่ายัยตัวเล็ก ขณะที่สมองก็ประมวลภาพ พลางนึกย้อนกลับไปเมื่อขวบปีกว่าที่เริ่มรู้จัก...น้องรัก...วายร้ายคนนี้

แรกเริ่มที่ประสบพบวายร้ายที่ได้ชื่อว่าน้องรัก ณ ปัจจุบันนี้ก็คือ ลายลักษณ์อักษรที่วายร้ายรุ่นเยาว์เริ่มชวนตีรวน...หลังจากโพสเรื่องราวที่กลั่นกรองออกจากสมองน้อย ๆ ของคนเขียนด้วยวาทะศิลป์ที่ทำให้เจ้าของเรื่องอ่านแล้วจะหัวเราะกับความสับสนของจอมวายร้ายคนนี้ดี หรือจะสับสนกับความคิดของตัวเองดีหว่า

‘ห่ะ อ่านเรื่องนี้แล้วสับสนทางเพศแทนจริง ๆ คับ คนเขียนฮะ รีบ ๆ เคลียร์เหอะคับ เริ่มอึดอัดแล้วฮะ เขียนดีนะคับ ผมชอบ แต่ไม่ชอบเรื่องเดียว จนพาลจะเลิกอ่านเอาคือความสับสนนี่ล่ะฮะ ชีวิตจริงคงไม่มีใครสับสนอย่างง๊านมั้งคับ อ่านแล้วมันชวนอึดอัดจริง ๆ คับ จาก ทิคเก็ต’

เอากับพ่อเจ้าประคุณสิ...เสียงพ่นลมหายใจกับรอยยิ้มเหี้ยมๆ ของคนที่นั่งอ่านคอมเม้นท์นี้ปรากฏขึ้นทันที ก่อนจะโต้กลับด้วยความสุภาพดุจอิสตรีที่มิใช่กุลสตรี...
...ในเมื่อชีวิตจริงที่ไม่อิงนิยายอย่างมนุษย์เรายังสับสนเรื่องความรักในเพศของตนเองได้ แล้วทำไมคนเขียนจะสร้างตัวละครหลอกให้คนอ่านสับสนตามบ้างไม่ได้เล่า...


คิดแล้วการโต้ตอบอย่างสุภาพชนก็บังเกิดขึ้น ณ เวลานั้น จากนั้นระยะการทิ้งช่วงห่างก็นานพอให้รู้ว่าต่างคนต่างกำลังดูเชิงกันและกัน แต่จอมวายร้ายนั้นอยู่ในที่มืด ส่วนคนเขียนอยู่ในที่แจ้ง...ต่อให้จะโพสจะแปะกี่ร้อยครั้ง ถ้าไม่สะกิดโดนต่อมอะไรสักอย่างของจอมวายร้ายเข้า...หน้าบอร์ดคอมเม้นท์ก็คงไร้สีสันจากคนที่มีนามว่า ทิคเก็ต จนกระทั่ง...

เสียงเล่าเรื่องขาดหายไป...พร้อมกับเสียงเพลงภาพลวงตาของดา เอนโดฟินก็จบลงพอดิบพอดี โดยมีสายตาสองคู่ของคนฟังอีกสองคนที่มองหน้ากันอย่างงง ๆ ...ตามด้วยเสียงเล็กใส

“เอ้าแล้วไงต่อล่ะ สรุปว่า จอมน้องวายร้ายคนนี้ไม่อ่านนิยายที่โพสต่อเหรอ ว้าแย่เนอะ” พูดพลางทำปากเบ้และส่ายหน้าช้า ๆ และนั่นก็ทำให้คนเล่าต้องเลิกคิ้วมองอย่างสงสัยจนต้องถาม

“ที่ว่าแย่น่ะอะไรเหรอ”

“ก็ไอ้คนเขียนดันเขียนให้จอมวายร้ายที่เธอเล่าให้ฟังน่ะสับสนจนไม่อยากอ่านต่อไง คงกลัวว่า พออ่านจบแล้ว เขาอาจสับสนและอึดอัดตัวเองที่หลงมาอ่านเรื่องนี้ได้ยังไงนะสิ” พูดแล้วก็ยื่นปากทำแก้มป่องส่งให้ แล้วหันมาอ่านบทฟีดแบล็กที่อยู่ในมืออีกครั้ง ก่อนจะพูดต่อขึ้นมาอีกว่า

“แล้วสรุปว่าไง พอน้องรักแสนร้ายของเธอคนนี้อ่านจบ เขาสับสนตัวเองไหมว่ามาคบเธอได้ไง”

“ฮ่าฮ่า คงสับสนมั้ง สับสนจนต้องร่อนอีเมล์แอดเดรสไปไว้หลังไมค์ให้เลยนะนั่น” จากนั้นเรื่องราวของจอมวายร้ายก็ถูกขุดขึ้นมาเล่าต่อ...เมื่อนึกถึงประโยคเด็ดที่จอมวายร้ายเอ่ยถามขณะปะทะคารมกันผ่านทางออนไลน์ในวันแรกที่ทั้งสองเริ่มเจรจาต้าอ่วยกัน...

‘Ticket : พี่มีสถานภาพทางเพศเป็นอะไรครับ’

ถามแล้วจอมวายร้ายก็นึกในใจ คนถูกถามจะเข้าใจความหมายของคำถามตนหรือเปล่าหว่า และแล้วก็ได้คำตอบกลับมาอย่างชัดแจ้ง เมื่อคนถูกตามพิมพ์คำตอบกลับมา

‘TingTing : เป็นผู้หญิงค่ะ’
ส่วนคนตอบตอบแล้วก็นึกฮาในใจ ดูสิจะถามต่อหรือจะจอด แต่แล้วจอมวายร้ายก็ไม่ยอมจอดด้วยการยิงคำถามต่อ

‘Ticket : เอ่อ ไม่ใช่ครับ ผมหมายความว่า พี่น่ะมีรูปลักษณ์เป็นยังไง เป็นผู้ทอมหรือผู้ดี้ครับ
TingTing : จะเป็นผู้ทอมหรือผู้ดี้ก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งค่ะ
Ticket : พี่อันนี้ถามจริงๆ ครับ อยากรู้ครับ แล้วผมจะได้รู้ว่าควรพูดกับพี่ยังไงดี
TingTing : หุหุ ก็พูดแบบนี้แหละค่ะ ดีแล้ว
Ticket : สรุปพี่ไม่จะไม่บอกผมใช่ไหมครับ แล้วก็ให้ผมเดาเอาเองว่าพี่มีรูปลักษณ์ยังไง
TingTing: เอ๊ ไอ้นี่นิ...บอกแล้วนี่ค่ะ ว่าเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง
Ticket: ฮ้ารู้แล้วว่าพี่เป็นเหมือนผม งั้นพี่ก็เป็นพี่ชายของผม ส่วนผมก็เป็นน้องชายของพี่นะครับ โย่’

ในที่สุดทิคเก็ตก็กลายเป็นอับดุลน้อย...เมื่อเห็นรังสีออร่าแผ่กระจายอยู่ในวลีที่โต้ตอบกัน ทั้ง ๆ ที่คนเขียนตั้งใจสุภาพชนสุดชีวิต แต่ก็พลาดจนได้...และแล้วก็ได้น้องชายร่วมโลกมาหนึ่งคน...มาพร้อมกับเรื่องราวสารพัดที่น้องรักวายร้ายจะสรรหามาเล่า พร้อมกับเขย่าหน้าต่างเอ็มเป็นว่าเล่น ตามด้วยคำขู่ให้โพสตอนต่อไปตลอด

“อืม...นอกจากออนไลน์คุยกันแล้ว นายเจอทิคเก็ตบ้างไหม” เสียงถามเอ่ยขัดจังหวะการเล่าขึ้นมาทันที และคำตอบที่ได้รับก็คือ

“เจอ หลังคุยกันได้ไม่นาน จอมวายร้ายก็รีเควสมาขอพบหน่อย ไอ้เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าน้องเกิดพิศวาสบทสนทนาอะไรขึ้นมา ถึงขั้นขอดูตัว นี่ถ้าจอมวายร้ายนี่เป็นสาวน่ารัก และดูมๆ หน่อย จะรีบแจ้นไปหาเลย แต่พอจอมวายร้ายนำภาพมาอวดสรรพคุณเท่านั้นแหละ ฮ่าฮ่า”

“ทำไม ทิคเก็ตหน้าเหมือนพิกเล็ตหน้าหมีพูห์หรือไง นายถึงขำแล้วไปพบน่ะ”

เพื่อนจอมสงสัยยังคงถามต่อพลางส่ายหน้าให้อย่างเอือมๆ...ในเมื่อไอ้คนเล่ามันไม่ชอบเล่ายาวๆ ชอบกั๊กไว้ให้คนสงสัยและถามต่อเป็นประจำ...ฉะนั้นถ้าอยากฟังเรื่องนี้ต่อ ก็ต้องทำตัวให้เหมือนเจ้าหนูจำไม...ช่างซักช่างถามต่อ

“เออ ถ้าได้พิกเล็ตอย่างนั้นก็ดีสิ แต่นี่ไม่ใช่พิกเล็ตนี่หว่า แต่เป็นทิคเก็ตที่เปิดเผยดี ผิดกับเราว่ะ ไปฉกรูปแผ่นหลังของนักร้องดังจากญี่ปุ่นมาโชว์ เอิ๊กๆ กำลังสงสัยอยู่เหมือนกันว่า เพราะแผ่นหลังกำมะลอนี่หรือเปล่า ทิคเก็ตจึงรีเควสมา แต่ที่เราชอบเพราะความเหมือนกันตรงหนึ่งว่ะ...บ้าบิ่นพอๆ กัน”

“ก็เพราะความบ้าบิ่นแบบนี้ไง ถึงทำให้เราสงสัยว่า นายแน่ใจแล้วเหรอกับคำว่าเพื่อนทางออนไลน์น่ะ” น้ำเสียงถามกลับมาฟังดูหนักแน่น แฝงความห่วงใย ขณะที่ยัยตัวเล็กก็พยักหน้ารับอื้อฮืออย่างเห็นด้วย ...ส่วนคนเล่าเพียงแค่ยิ้มให้บาง ๆ แล้วเอื้อมมือหรี่เสียงเพลงให้เบาลง เมื่อได้ยินเสียงนักร้องชายร้องเพลงคล้ายคนเมากัญชาดังขึ้น

“กำแพงเมืองจีนกว่าจะสร้างเสร็จยังต้องใช้เวลาหลายร้อยปี นับประสาอะไรกับการคบเพื่อน หากไม่ศึกษากันแล้วจะรู้จักกันดีพอเหมือนเรากับนายหรือยัยตัวเล็กนี่เหรอ”

“ฮ่าฮ่า...เออ ใช่ แล้วพอเจอกันเป็นไงล่ะ เป็นน้องรักแสนร้ายมั้ย”

“อือ น่าจะเป็นน้องรักวายร้ายมากกว่านะ มีครบสูตรป่วน กวน จิก ชวน และงอนได้เป็นบางเวลา”

‘พี่วันนี้มาหาทิคเก็ตไหม จะได้รอกินข้าวด้วยกัน’
เสียงดังจากต้นสายช่วงเวลาเกือบสิบโมง ขณะที่คนปลายสายยังนอนอยู่บนเตียงในท่างัวเงียหลังได้ยินเสียงริงโทนปลุกพร้อมกับคำถาม

‘อือ ไป แต่ไม่ต้องแขวนท้องรอนะ กินก่อนเลย พี่ไม่แน่ใจว่าจะไปถึงกี่โมง’

‘เออ งั้นซื้อเข้าไปด้วยดีกว่า แล้วถ้ามาบ่ายพี่จะมาถึงนี่กี่โมง โทรมาบอกก่อนนะจะได้ฝากงานน้องไว้’
เสียงตะแหง่วๆ ยังคงดังแว่วมาให้ได้ยิน ขณะที่คนงัวเงียได้แต่รับคำ ก่อนจะวางสายและหลับต่อ...

‘พี่ค้างเค้กทิคเก็ต 3 ชิ้น มาเลี้ยงเลย’
เสียงตะแหง่ว ๆ ของไอ้น้องรักวายร้ายดังอยู่ข้าง ๆ ในร้านเบเกอร์รี่ที่เจ้าตัวชอบแวะเวียนมาซื้อกาแฟเย็นจากสาวเจ้าของร้านไปดื่มให้ชื่นใจ...เพียงแค่ได้มองหน้า แม้ไม่ได้เอ่ยวลีใดๆ มากกว่าการสั่งซื้อกาแฟกับเค้ก ก็ทำให้ทิคเก็ตน้อยอารมณ์ดีได้ ส่วนคนโดนทวงเค้กทำได้เพียงแค่ยิ้ม...พลางนึกในใจ...จำแม่นดีนัก...เดี๋ยวปั้ดบอกสาวเจ้าของร้านให้รู้ความจริงเลยนี่...

‘พี่ ๆ ทิคเก็ตอยากไปหาสาวน่ะ’ เสียงตะแหง่ว ๆ ดังมาอีกครั้ง...ตามด้วยแววตาออดอ้อน...ส่วนคนฟังได้แต่มอง...พลางนึกแล้วคนที่บ้านมันจะเอาไปไว้ไหนน้า...แต่ดูท่าวายร้ายน้อยจะอ่านสายตาออก จึงรีบโพลงขึ้นมาก่อน

'แค่ไปเซิร์ปๆ ดูเท่านั้นละพี่ มีคนเดียวก็พอแล้ว แต่ที่อยากไปหาสาวๆ น่ะก็แค่อยากเมาแหละพี่ ไปกันไหม’

จากหนึ่งคำชวนที่เป็นจุดเริ่มต้น...การท่องราตรีก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง แม้จะไม่บ่อยนัก แต่ก็กระชับมิตรภาพ และมิตรสัมพันธ์ให้แน่นมากขึ้น จากหนึ่งวายร้ายที่คอยอ่านนิยายบนหน้าเวบ กลายมาเป็นหนึ่งมิตรที่เกิดจากการออนไลน์ ก่อนจะแปรผันเปลี่ยนแปรจากมิตรออนไลน์กลายเป็น มิตรภาพจากตัวตนคนเป็นๆ ที่น่ารักและร้ายเหลือแกมน่าหยิก (น่าเตะ) น่าหยอก

และแล้วในวันหนึ่ง...ทิคเก็ต...น้องรักวายร้ายก็ได้รับข้อความหนึ่งเด้งผ่านเอ็มหน้าจอขึ้นมาขณะที่เจ้าตัวยังง่วนอยู่กับการทำงาน...เขามองข้อความกึ่งขอความช่วยเหลือนั้นก่อนตอบครับ

‘TingTing : ทิคเก็ต มีน้องคนหนึ่งสามารถระบุสถานภาพได้ กำลังแทะโลมพี่วะ
Ticket : แทะโลมพี่ยังไง
TingTing : แทะโลมผ่านตัวหนังสือ ฮ่าฮ่า สงสัยหลงใหลชื่อของคนเขียนนิยาย
Ticket : อ๋อ มาจัดการให้ ดึงมาเลย เดี๋ยวแทะโลมคืนให้เอง’

“อืม จากวายร้ายในสายตาก็กลายเป็นคนดีขึ้นมาในบัดดล น่ารักดีนะน้องคนนี้”

เสียงเล็กใสเอ่ยขึ้นบ้าง เมื่อคนเล่าเล่าถึงการขอความช่วยเหลือจากทิคเก็ต และถามด้วยข้อกังขาที่ถูกเอ่ยถามตามมาอีกครั้ง

“ว่าแต่ทำไมเธอถึงคิดว่า คนที่ส่งทิคเก็ตไปจัดการนี้เข้ามาแทะโลมเธอล่ะ”

“ความคิดคนจะบอกผ่านตัวหนังสือไง...จริงๆ แล้วคนนี้ไม่ได้มีเจตนาอย่างนั้นหรอก แต่เป็นเพราะตามอ่านนิยายเหมือนทิคเก็ตนั่นแหละประจวบกับเราทิ้งอีเมล์แอดเดรสไว้ด้วย น้องเค้าก็เลยแอดไว้ซะ แล้ววันนั้นดันเป็นวันซวยของน้องเค้าเอง เราดันออน ก็เลยจ๊ะเอ๋กัน จึงเซย์ฮัลโหลกัน แต่เป็นเซย์ฮัลโหลแบบสุภาพชน น้องเค้าคงนึกว่าเราเป็นสาวผู้น่ารักมั้ง เลยส่งตัวหนังสือมาตอดนิดตอดหน่อย อ่านแล้วรู้สึกขนลุกกลัวฟ้าจะพิโรธ ทิคเก็ตน่ะพูดเก่ง มีลูกล่อลูกชนดี เห็นวัยไล่เลี่ยกันด้วย ก็เลยวานหน่วยกล้าตายอย่างทิคเก็ตให้สานต่อ หุหุ”

“แล้วทำไมน้องคนนี้จึงนึกว่า นายเป็นสาวน่ารักวะ” เปลี่ยนจากเสียงเล็กใสเป็นเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยถาม และนั่นก็ทำให้คนตอบฉีกยิ้มรับเต็มกำลัง

“คงเพราะชื่อที่ใช้เขียนน่ะสิ นายเห็นแล้วรู้สึกไงล่ะ” พูดแล้วก็เขียนยื่นให้เพื่อนดู ก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะดังเอิ๊กอ๊ากตามมา

“เออวะ ชื่อบ่งบอกฉิบว่าต้องเป็นสาวแน่ๆ นึกไงถึงตั้งชื่อนี้วะ”

“ก็นึกว่า ถ้าชื่อหวานแล้วสาวจะมา แต่คิดผิดว่ะ พวกที่มาดันขั้วเดียวกัน ครั้นจะเปลี่ยนก็ไม่ทันแล้ว เลยต้องปล่อยเลยตามเลย”

“เหอเหอ เป็นไงล่ะ ชื่อหวานแล้วจะควักสาวมา เลยควักได้น้องรักวายร้ายมาแทน ฮ่าฮ่า แล้วน้องอีกคนล่ะวายร้ายเหมือนกันมั้ย” เสียงหัวเราะของคนพูดดังกว่าเสียงหัวเราะของยัยตัวเล็ก แต่นั่นก็ไม่ทำให้คนฟังรู้สึกเดือดร้อนแต่อย่างไร มีเพียงส่งเสียงหัวเราะให้กับคำพูดของเพื่อนประสานรับกันเอง

“ไม่เหมือนตรงที่รายนี้ตัวใหญ่กว่า เลยนึกว่าเป็นมาเฟีย แต่ที่เหมือนวายร้ายอย่างทิคเก็ตก็ตรงที่ไม่โสดสนิทเหมือนกันน่ะ เราเลยเรียกน้องคนนี้ว่า มาเฟียวัยรัก หุหุ”

*** เรื่องยังไม่จบเท่านี้...เพราะซีรีส์นี้ยังอีกยาว ***

๕ ความคิดเห็น:

tK~ModE~พี่หมียักษ์... กล่าวว่า...

แง๊.....งี๊ดดดดดดดดด
ไหงงี้ละเนี่ย...
สั้นกุ๊ดเลยของเราอะ...ชิส์
น้องเมียน้อยชัดๆๆๆ = =!

Another sunny day กล่าวว่า...

เวลาใครถามว่าสถานะอะไร
พี่ก็มักจะตอบว่า เป็นผู้หญิงเหมือนกัน อิอิ
ไม่ได้กวนน๊า...
แต่ว่า มันจะเป็นดี้ ก็ไม่ใช่ ทอมก็ไม่เชิง คิคิ

รออ่าน มาเฟียวัยรัก อยู่นะคะ

Perodua กล่าวว่า...

เอิ้ว..ว....

ไหนบอกว่าจะได้ลงคนที่ 4 ไปๆมาๆ ได้ลงคนที่ 2 เลยเว้ย.....

อะโห....นึกว่าจะยาวก่านี้อ่ะ..พี่ติ่ง...

เค้าจะเอายาวๆ อ่ะพี่ติ่ง เรื่องเค้าขอยาวๆๆๆ เหอๆๆๆ

psycho_girl กล่าวว่า...

เหอๆ จริงๆ ค่ะ เห็นด้วยกับพี่ซันนี่
แต่ก่อนอาจจะตอบได้อย่างชัดเจน ว่าเพศไหน
แต่ตอนนี้ ชักไม่แน่ใจซะแย้วววว

อิอิ

เอ... แอบสงสัยว่า เรื่องของมิสเตอร์ทิกเก็ต มีแค่นี้เองเหยอ
คิคิ

รออ่านตอนต่อไปจ้า

A-Art กล่าวว่า...

แว่บแวะมา
แล้วจาโพสความคิดเห็นได้มั้ยเนี่ย
ปวดหัว แงงงงงง

ค้นของเก่า