Chapter VII: Modern Crusaders
Chapter VII: Modern Crusaders
‘หนุ่มยิ้มละไมชวนอำ กับหัวใจ (เพื่อน) เดียวกัน’
“พี่ ๆ ระหว่างพี่อัลฟ่ากับทิคเก็ตใครหล่อกว่ากันพี่”
น้ำเสียงถามฟังดูร้อนรนปนอยากรู้ดังแหวกสัญญาณมือถือเข้ามากระทบหูคนฟังที่นั่งยิ้มร่า ขณะที่หัวสมองกำลังประมวลผลอย่างหนัก...หนักเพราะไม่อยากตอบเอาใจไอ้น้องวายร้าย หรือพูดลดความรู้สึกหล่อของน้องให้น้อยลงไปเหลือเพียงหนึ่งในสามของพี่อัลฟ่า ขณะที่เสียงปลายสายยังคงส่งเสียงถามยิก ๆ ดังแหวกสัญญาณมือถือมาเป็นระยะ ๆ
ย้อนวันออนไลน์แรกพบ...กับวันแรกของการสนทนา
ทันทีที่พี่อาเธอร์ฉุดลากดึงคนคุ้นเคยที่พาตัวเองและเท้ากลับมาแตะขวานทอง หลังจากเตลิดไปศึกษาวิถีความเป็นคนต่างแดน (นานกี่ปีกี่วันคนเขียนไม่ได้ถามและไม่คิดจะถาม รอเจ้าของเรื่องเล่าเอง) ให้มารู้จักกับน้อง ๆ ที่นั่งออนไลน์ทำหน้าสลอนอยู่บน MSN
Arther : เอ่อ...เดี๋ยวพี่แนะนำอัลฟ่าให้ทุกคนรู้จักนะ เป็นรุ่นน้องที่น่ารักมาก
Sydney : ใช่ค่ะ ใช่ อัลฟ่าเป็นน้องที่น่ารักมาก (หน่วยสนับสนุนชั่วคราว)
พรึ่บ...แวบ (Sound of share)
Alfa : สวัสดี เราชื่อ อัลฟ่า
TingTing : สวีดัด อัลฟ่า...เราชื่อ ติงติง
KookKa : สวัสดีพี่อัลฟ่า กุ๊กก้ารายงานตัว
เกี๊ยวกุ้ง : สวัสดีค่ะ พี่อัลฟ่า เกี๊ยวกุ้งค่า
Ticket : [อยู่ในโหมด Off Line]
TingTing : ว้าว! อัลฟ่า เป็นญาติกับเครื่องหมายอัลฟ่าเหรอ
Alfa : เหอ ๆ เปล่าสักหน่อย แล้วน้องอีกคนล่ะ
TingTing : อ๋อ วันนี้วันหยุดของทิคเก็ต เดี๋ยวจะโทรบอกให้ออนไลน์จะได้รู้จักกันถ้วนหน้า
Alfa : \\^O^//
“อือ...พี่ก็บอกไม่ได้เหมือนกันทิคเก็ต ถ้าอยากรู้ ทิคเก็ตก็ออนสิ แล้วจะรู้เองว่า ระหว่างทิคเก็ตกะพี่อัลฟ่าใครหล่อกว่ากัน หุหุ”
“เชอะ ! ทิคเก็ตอยากรู้จากปากพี่น่ะ บอกหน่อยน้า” เสียงตะแหง่ว ๆ ดังอ้อน ๆ
“ไม่รู้วุ้ย...ไปออนเลย แล้วจะรู้ว่าพี่อัลฟ่าหล่อมากกว่าหรือน้อยกว่าเรา อ้อ...แต่พี่จะบอกพี่ชอบวะ...”
“ฮ้า! พี่ติงติงชอบพี่อัลฟ่าเหรอ ตายแหละ...ขั้วชนขั้วมันจะไม่เด้งเหรอพี่” เสียงอ้อน ๆ กลายเป็นเสียงโวยวาย พลางทำตาโต ๆ ให้เท่าไข่นกกระจอกเทศและนึกในใจ...
‘พี่ตูกะเป็นขั้วผสมแล้วละมั้ง’
ขณะเดียวกันเสียงคนบอกว่าชอบก็ดังสวนกลับทันที
“ไม่ใช่เว้ย ที่ชอบน่ะ หมายถึงชอบสีผมของอัลฟ่าต่างหาก เพิ่งรู้จักคนไทย หน้าไทย ไทย แต่หัวสีทองวะ ฮ่าฮ่า”
“อ๋อ...แล้วไป” เสียงโวยวายคราวนี้เปลี่ยนเป็นเสียงเบาลง พลางลดขนาดดวงตาให้เท่าเดิม แล้วตามด้วย
“ไปแหละพี่ เดี๋ยวตากผ้าเสร็จแหละจะออนเอ็มนะ บ๊ายบาย จุ๊บๆๆ”
“เออ ไปเถอะ...แต่ไม่รับจุ๊บนะ แบบว่าสยึมกึ๋ยนิ ฮ่าๆ”
ย้อนวันแรกเจอ...ณ วังข้าวแช่ ท่ามกลางความเย็นฉ่ำของมหาสงกรานต์
Arther : มาเติมแอลกอฮอล์เพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกายที่วังข้าวแช่หน่อยไหม อัลฟ่า โอปอล ทิคเก็ต
Ticket : โห...พี่อาเธอร์ สำหรับทิคเก็ตน่ะ ชิวๆ สบายๆ มาพร้อมเมื่อไหร่บอก เดี๋ยวทิคเก็ตตามไป ใกล้แค่นี้เอง
Alfa : เออ...ๆ ไป ๆ เดี๋ยวไปสักบ่ายสี่โมงเจอกันนะ
Opal : อืม...ดี ๆ เดี๋ยวโอปอลตามไป ให้ไปหาพี่อาเธอร์ที่วังข้าวแช่เลยใช่ไหม
Arther : ใช่ ๆ อ๋อ มาก็ไม่ต้องกลัวเปียกมา เพราะตอนนี้ข้างนอกวังน่ะ กำลังสาดน้ำกันใหญ่เลย
Opal : อืม ไม่กลัวเปียกหรอก ว่าแต่พี่ติงติงมาป่ะมาเจอกันหน่อย มาเปียกกันหน่อย
Ticket : ใช่ พี่ติงติงมามั้ย เจอกันบ่ายสี่ มาหาทิคเก็ตก่อนก็ได้พี่
TingTing : (-_- ) (-_-) ( -_-) ไม่ไปหรอก กลัวเปียก เป็นโรคกลัวน้ำ
Alfa : เฮ้ย มาสินายติงติง จะได้พบปะหน้าตากันไง
TingTing : ไม่เอาอ่ะ กลัวนายกับพี่อาเธอร์เห็นเราแล้วจะต๊กกะใจเหมือนที่เกี๊ยวกุ้งเห็นเรา
Alfa : เฮ้ย ไม่หรอก จะตกใจทำไมล่ะ ถ้านายไม่ใช่มะนาวต่างดุ๊ก
TingTing : ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงวะ เอาน่า เวลายังมีอีกหลายเดือนเดี๋ยวได้เจอกันแน่
จากออนไลน์กลายเป็นพบปะ และจากการพบปะก็กลายเป็นการชวนกันทำบุญ...และท่องเที่ยวไปในตัว ประดุจยิงปืนนัดเดียวได้ทั้งมิตรภาพ...เสียงหัวเราะ...ความเฮฮา...การท่องเที่ยว...และอื่น ๆ อีกมากมาย แต่เรื่องราวเหล่านี้ยังไม่จบเพียงเท่านี้ หากแต่ยังคงดำเนินต่อไป...และต่อไป...พร้อม ๆ กับการเรียนรู้ตัวตนของคำว่า เพื่อน มากขึ้น
วันขำ ๆ กับเรื่องอำ ๆ ที่ไม่น่าจะเกิด แต่ดันเกิด ณ. เชียงใหม่
“พี่ ๆ กุ๊กก้ามีข่าวร้ายจะบอก”
เสียงบอกข่าวร้ายของคนแจ้งดังขึ้นมาเรื่อย ๆ ขณะพาเลี้ยวรถเข้าบ้านของตน แม้ใบหน้าของเจ้าของจะดูนิ่งสนิท แต่แววตากลับไม่นิ่งตาม กลับฉายแววร้อนรน กังวลอย่างบอกไม่ถูก...พลางนึกว่าให้ตัวเอง...เพราะตัวเขาเองนี่แหละที่ทำให้หลงลืมแม้กระทั่งของสำคัญ...แล้วอย่างนี้จะพาพี่ ๆ เข้าบ้านได้อย่างไรเล่า
ส่วนพี่ ๆ และน้อง ๆ ที่นั่งอยู่ในรถเริ่มมีสีหน้าแสดงความกังวลและเป็นห่วง ขณะเดียวกันเสียงช่วยกันคิดหาวิธีช่วย แต่ก่อนอื่นต้องรู้ก่อนว่า ข่าวร้ายนั้นคืออะไร
“เอ่อ ข่าวร้ายอะไรเหรอกุ๊กก้า” เสียงทิคเก็ตดังมาจากเบาหลังของรถ
“คือว่า...กุ๊กก้าลืมกุญแจเปิดประตูไว้ในบ้านน่ะพี่ ๆ”
“ฮ้า! ว่าไงนะ” เสียงของคนนั่งในรถทั้งห้าเสียงดังประสานกันขึ้นมาไม่ต่างกับเสียงฟ้าคำราม ก่อนจะส่งสายตามองกุ๊กก้าเป็นจุดเดียว
“กุ๊กก้าหาดีหรือยัง อาจหลงลืมไว้ในกระเป๋าตังค์ก็ได้นะ” ทิคเก็ตยังไม่ละความพยายามที่จะให้กุ๊กก้าค้นหาให้ถ้วนถี่ทุกแง่ทุกมุมทุกสิ่งของที่กุ๊กก้ามี
“หาดีแล้วพี่ ไม่เจอเลย กุ๊กก้าต้องลืมไว้ในบ้านแน่ ๆ เอาอย่างนี้ดีกว่า เดี๋ยวกุ๊กก้าพาพี่ ๆ ไปที่บ้าน ให้พี่ ๆ รอที่หน้าบ้านก่อน ส่วนกุ๊กก้าไปตามช่างกุญแจให้มาสะเดาะกุญแจให้ รอแป๊บเดียวนะ” พูดจบก็ขับรถเข้าจอดหน้าบ้าน ก่อนจะขับรถออกไปตามช่างกุญแจอีกครั้ง โดยครั้งนี้มีเกี๊ยวกุ้งติดสอยนั่งไปเป็นเพื่อน
หลังจากรถเคลื่อนตัวออกไปแล้ว สี่ชีวิตที่ถูกทิ้งให้รออยู่ที่หน้าบ้าน ขณะที่คุณพี่คนสวยเดินดูอยู่รอบ ๆ หน้าบ้าน ส่วนติงติงเดินสำรวจรอบบ้าน ขณะเดียวกันอัลฟ่ากับทิคเก็ตกำลังเลียนแบบวิถีของนักงัดแงะด้วยการพยายามงัดนั่น แงะนี่ และสุดท้ายตามด้วยการเลื่อยแม่กุญแจอย่างขะมักเขม้น
“อัลฟ่า ทิคเก็ต ตรงหลังบ้านมีประตูอยู่บานหนึ่งน่ะ ลองเดินเบียดตัวเข้าไปในตรอกนี้ดูสิ มันเชื่อมถึงหลังบ้านได้ ดูว่าประตูหลังบ้านงัดได้ไหม”
เสียงคนเดินสำรวจข้างบ้านไปจนถึงหลังบ้านตะโกนบอกขึ้นมา และนั่นก็ทำให้สองนักงัดแงะวางมือทันที ก่อนจะวิ่งตามมาดู แล้วเดินกลับไปดูตรอกเล็ก ๆ ที่คั่นระหว่างตัวบ้านกับกำแพงบ้านว่าจะเดินแทรกผ่านไปได้หรือไม่
“อือ เดินได้แฮะ พี่อัลฟ่า ทิคเก็ตเดินผ่านได้” เสียงตะแหง่ว ๆ ดังลอดออกมาจากตรอกเล็กนั้น พลางกวักมือเรียกอัลฟ่า
“เออ งั้นเข้าไปดูหลังบ้านกัน” เสียงตอบรับจากอัลฟ่า ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินเข้าไปหา จากนั้นก็ไต่ขึ้นไปยืนบนกำแพง แล้วเดินเหนือกำแพงไปยังหลังบ้านด้วยท่าไอ้แมงมุม
“เอ้า พี่อัลฟ่า ทำไมไม่เดินเข้าตรอกนี่ล่ะ จะเดินบนกำแพงทำไม พี่อยากเป็นไอ้แมงมุมเหรอ” ทิคเก็ตพูดพลางเงยหน้าขึ้นมองอัลฟ่าที่เดินไต่กำแพงไปทางหลังบ้านแล้ว โดยที่เจ้าตัวเองก็ค่อย ๆ กระดึ๊บไปในตรอก
“อ้าว ทิคเก็ตเพิ่งรู้เหรอ ว่าพี่น่ะเป็นไอ้แมงมุม ฮ่าฮ่า” เสียงสดใสดังมาพร้อมกับยิ้มหน้าระรื่น ก่อนจะกระโดดลงไปยืนอยู่หลังบ้านพร้อมกับทิคเก็ต
“โห หลังบ้านเจ้ากุ๊กก้านี่รกจริงๆ มันเอารองเท้า เอาขยะมาทิ้งตรงหลังบ้านทำไมวะ” เสียงอัลฟ่าบ่นพึมพำอย่างสงสัย พลางเดินเข้างัดแลแงะประตู หน้าต่างหลังบ้านทันที โดยมีทิคเก็ตทำหน้าที่ผู้ช่วยงัดแงะอีกหนึ่งคน
แควก...แควก...ผึง
“อ่ะจ้าก...มุ้งหน้าต่างขาดเลย” เสียงอัลฟ่าร้องดังจ้าก ตามด้วยสีหน้าเหลหลา ส่วนทิคเก็ตทำตาโตเช่นเคย
“งัดยังไงก็งัดไม่ได้น่ะพี่อัลฟ่า ทิคเก็ตว่าเราไปงัดประตูหน้าบ้านต่อดีกว่านะ ท่าจะง่ายกว่านะ”
“เออ...ปะ”
พูดจบอัลฟ่าก็สวมวิญญาณไอ้แมงมุมไต่กำแพงมือแตะผนังเดินออกไปหน้าบ้านอีกครั้ง ส่วนวายร้ายทิคเก็ตก็สวมวิญญาณนางแบบผู้ผอมเพรียว เดินแทรกตัวผ่านตรอกเล็กออกมาอีกครั้งเช่นกัน
“เป็นไง หลังบ้านของกุ๊กก้า รกดีไหม รายนั้นบอกด้วยนะว่าหลังบ้านมีงู แล้วเจองูกันบ้างไหม” เสียงติงติงที่รออยู่หน้าบ้านพลางงัดและแงะหน้าต่างไปเรื่อย ๆ หันมาถาม
“เออ เจอวะเต็มเลย มีหลากสีด้วย” เสียงอัลฟ่าตอบกลั้วเสียงหัวเราะ
“งูอะไรวะ มีหลากสี” คนถามถามพลางย่นคิ้วสงสัย
“รองต๊ะน่ะสิ เพียบเลย เศษเสื้ออีกหลายตัว” อัลฟ่ายังคงพูดไปหัวเราะไป
“เอ้าเหรอ สงสัยไอ้กุ๊กก้าคงละเมอ ฟังเสียงคนโยนรองเท้าข้ามมาเป็นเสียงงูเลื้อย ฮ่าๆ จี้ดีวะ”
ขณะคุยกันเสียงรถของกุ๊กก้าก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง...
บรืน...บรืน...บรืน
ตามด้วยเสียงรถมอเตอร์ไซด์
แว๊น...แว๊น...แว๊น
เมื่อเสียงรถสองคันเงียบลง ก็ตามด้วยเสียงลูกกุญแจกำมะลอดังกรุ๊งกรุ๊งมาเป็นระยะๆ กับสายตา 6 คู่ที่เพ่งมองกรรมวิธีการสะเดาะแม่กุญแจ
กริ๊ก...
เสียงแม่กุญแจถูกสะเดาะ ตามด้วยเสียงโห่ฮิ้วของหกชีวิตที่ยืนมุงดู และแล้ว
“กุ๊กก้า กุญแจบ้านอยู่ในกระเป๋ากุ๊กก้านี่นา” เสียงตะเบ็งดังอย่างเหลืออดของทิคเก็ตดังขึ้นหลังจากทุกคนเข้าบ้านได้แล้วก็ช่วยกันหากุญแจกันให้ควัก
“ฮ้าจริงเหรอ ...โฮ ไม่น่าเชื่อ ทำไมกุ๊กก้าหายังไงก็หาไม่เจอเนี่ย” น้ำเสียงสั่น ๆ เอ่ยขึ้นอย่างขอลุแก่โทษพี่ ๆ และน้องเกี๊ยวกุ้ง และสิ่งที่ได้รับมาก็คือ
“ไม่เป็นไรหรอกกุ๊กก้า...คงเป็นเพราะเราเก็บไว้ดีเกินไปเลยหาไม่เจอ แต่ตอนนี้เข้าบ้านได้แล้วก็ดีแล้ว คราวหน้ากุ๊กก้าต้องทำกุญแจสำรองไว้ด้วยนะ” เสียงอัลฟ่าผู้ใจดีเอ่ยขึ้น ตามด้วยเสียงสนับสนุนของทิคเก็ต จากนั้นอัลฟ่าก็ทำตาละห้อย พร้อมกับบอกเจ้าของบ้านว่า
“กุ๊กก้า...ตะกี้พี่ทำมุ้งหน้าต่างหลังบ้านพังน่ะ แบบว่า...เอ่อ พี่อยากรู้ว่า สามารถงัดได้ไหมน่ะ เลยเข้าไปงัดดูกับทิคเก็ต”
“ฮ้า...พี่ ๆ เข้าไปหลังบ้านเหรอ” คราวนี้เจ้าของบ้านเสียงดังเสียเองและใบหน้าก็ถอดสี
“พี่รู้ไหมหลังบ้านน่ะมีงูนะ กุ๊กก้ากลัวพี่ ๆ โดนงูกัดน่ะ เลยไม่อยากให้เข้าไป” น้ำเสียงยังคงเอ่ยต่อเรียบ ๆ แต่แฝงไว้ด้วยความห่วง และโล่งใจที่เห็นพี่ ๆ ไม่เป็นไร
“กุ๊กก้ารู้ได้ไงว่า หลังบ้านมีงู เคยเดินออกไปดูไหมว่าหลังบ้านเราน่ะ เป็นไง” เสียงทิคเก็ตเอ่ยถามขึ้นบ้าง
“ไม่หรอก กุ๊กก้าไม่เคยออกไปดู รู้แต่ว่าดึก ๆ มีเสียงดังกุกกักน่ะ”
“ฮ่าฮ่า พี่ว่าไอ้เสียงกุกกักที่กุ๊กก้าได้ยินน่ะ น่าจะเป็นเสียงบ้านที่อยู่ติดหลังบ้านโยนรองเท้าเน่า ๆ เสื้อเน่า ๆ มาใส่หลังบ้านกุ๊กก้ามากกว่านะ เพราะที่พี่เห็นน่ะ มีแต่พวกนี้ทั้งนั้นเลย และเพราะกุ๊กก้าไม่ออกไปดูหลังบ้านตัวเองนี่แหละ เลยทำให้พวกนั้นเข้าใจว่า บ้านนี้ไม่มีคนอยู่ เลยกลายเป็นที่ทิ้งของไม่ใช้แล้วของพวกนั้นไป” อัลฟ่าพูดอย่างให้เหตุผลพลางส่งยิ้มกว้าง ๆ ให้กุ๊กก้าอย่างนึกเอ็นดู
“เหรอ...คงใช่เพราะกุ๊กก้าไม่เคยเปิดประตูหลังบ้านเลยน่ะ” เจ้าตัวก้มหน้ายอมรับก่อนจะเงยหน้าขึ้น
“นี่ก็หกโมงกว่าแล้ว เราไปหาร้านกินข้าวกันเถอะพี่ ๆ”
“อืม...ปะ แล้วคืนนี้ค่อยเม้าท์กันที่หอพักเกี๊ยวกุ้งละกันนะ” เจ้าของความคิดอย่างทิคเก็ตเอ่ยขึ้น และก็ได้รับการพยักหน้าเห็นด้วยจากทุกคน แต่ก่อนที่รถจะเคลื่อนตัวพาหกชีวิตออกไปหาข้าวกิน เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาเบา ๆ
“กุ๊กก้ากับเกี๊ยวกุ้งรู้ไหมว่า ไอ้แมงมุมตัวจริงนะคือใคร”
คำตอบที่ได้รับก็คือการส่ายหน้า ตามด้วยสายตาของกุ๊กก้าที่มองคนถามผ่านกระจกหลัง ส่วนเกี๊ยวกุ้งที่นั่งอยู่เบาะท้ายรถติดกับคนถามก็ส่งสายตาสงสัย
“ไอ้แมงมุมตัวจริงเสียงจริงปรากฎขึ้นตอนที่กุ๊กก้ากับเกี๊ยวกุ้งออกไปตามช่างกุญแจน่ะ เขาเลือกที่จะไต่กำแพงดีกว่าการเดินแทรกตัวผ่านตรอกเล็ก และคนคนนั้นที่พี่ภูมิใจเสนอ ก็คือ แต่น แตน แต๊น...”
พูดพลางทำมือประกอบด้วยการผายไปที่อัลฟ่าซึ่งนั่งติดประตูรถฝั่งขวามือและยิ้มหน้าเป็นอย่างรอฟังคำตอบเช่นกัน
“คุณอัลฟ่า เพื่อนของกระผม พี่ของน้อง ๆ ทุกคนนั่นเอง...”
_________________________________________ (^-^)
ค่ำคืนหนึ่ง...กับเรื่องฮา ๆ ที่เกิดจากความเข้าใจผิดของคนเล่น MSN 2 คน...
แต่คนทั้งก๊วนโดนเต็ม ๆ เหตุเกิดเพราะอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์รู้สึกเป็นห่วงเป็นใยยอดกระทานายหนึ่งที่โดนเพื่อนขบกัดซะอ่วมยิ่งกว่าโจ๊ก
Sydney : ติงติง ค่ำนี้เงียบเหงาเนอะ หายไปไหนกันหมดน้า
TingTing : คงกลับบ้านกันแล้วแหละพี่ซิดนีย์
Sydney : นั้นสินะ งั้นคุยกะติงติงดีกว่า ฮิฮิ
‘ตู๋ตุ๊ด ตู๋ตุ๊ด’ (Sound of MSN)
Sydney : ว้าว ๆ ติงติงจ๊ะ อัลฟ่าออนเอ็มแล้ว
TingTing : อือ เห็นแหละ แต่ไม่แน่ใจว่าใช่เพื่อนหรือเปล่า กลัวจะเป็นคุณพี่คนสวย
Sydney : ลองคุยก่อนสิ เผื่อใช่
TingTing : แหง่ะ ไม่เอาหรอก เกิดไม่ใช่ละ เดี๋ยวเขิน
แต่แล้ว...คุณพี่ซิดนีย์ผู้หวังดีก็นำพาอัลฟ่าเข้ามา
พรึ่บ...แวบ (Sound of share)
Alfa : ดีเพื่อน
TingTing : สวัสดีครับ ป๋มชื่อติงติงครับ ไม่ได้เป็นกิ๊กกับอัลฟ่านะครับ แต่เป็นเพื่อนกับอัลฟ่าขอรับ
Alfa : เฮ้ย เราเอง อัลฟ่า
TingTing : เรารู้จักกันทางเอ็มเอสเอ็นครับ ไม่ได้เป็นมากกว่าเพื่อนจริง ๆ ครับ
คนสองคนกับการโต้ตอบกันทางเอ็ม...ยังคงดำเนินต่อไป...คนหนึ่งโต้ตอบอย่างสุภาพ ขณะเดียวกันก็นึกแปลกใจและรู้สึกทะแม่ง ๆ กับสำนวนและอารมณ์ของการโต้ตอบ...ขณะที่อีกคนยังคงส่งข้อความการโต้ตอบออกมาเรื่อย ๆ ...และในเวลานั้นเอง...
‘ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง’ (Sound of Shake)
Sydney : เป็นไงบ้างติงติง...คุยกับอัลฟ่ากำมะลอแล้วรู้สึกไหมว่า อัลฟ่ากำมะลอดุ
TingTing : = .. =’ อือ...ไม่รู้สึกอะไรเลยพี่ เหมือนจับอารมณ์ไม่ได้ กำลังสงสัยว่าคุยกับใครกันแน่ เพราะอารมณ์มันครึ่ง ๆ กลาง ๆ ยังไงไม่รู้
Sydney : อือ...งั้นคุยกันต่อไปนะ แต่พี่จะซุ่มดูเงียบ ๆ (= =!)
TingTing : ขอรับท่านพี่
จากนั้นพี่ซิดนีย์ก็หายแวบ...ไปซุ่มดูเงียบ ๆ ด้วยการดื่มกาแฟ อ่านนิยายบนไซเบอร์ต่อ ส่วนคนสองคนที่คุยและโต้ตอบกันก็มาถึงจุด Peak สุด ๆ
TingTing : อะจ้าก ดึกแล้วขอรับ ตาเริ่มปรือแล้ว ไม่ไหวแล้วขอรับ ขอตัวไปนอนกรนอุตุก่อนนะขอรับ
Alfa : ^o^ ได้เคอะ บ๊าย บาย
TingTing : เคอะ บ๊ายบาย
พรึ่บ...แวบ (Sound offline)
หลังจากหน้าจอคอมพ์ดำสนิทเจ้าตัวก็เถลือกไถลตัวขึ้นเตียงนอน...ZZzzz… คร่อกฟี้...ZZzzz… ณ อีกมุมหนึ่งของผืนฟ้ารัตติกาลกลับมีเสียงหัวเราะคิกคักดังก้องบ้าน
“กั่ก กั่ก ก๊าก คิก ๆๆ ฮ่า ๆๆ โอ๊ย! ขำ อำเพื่อนผมได้สำเร็จ หนีเข้าไปนอนแหละ ฮ่า ๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องลองหยั่งเชิงติงติงดูว่ารู้สึกไงที่ได้คุยกับอัลฟ่ากำมะลอ ฮ่าๆ”
คนพูดส่งเสียงกระตู้วู้อยู่กับอัลฟ่ากำมะลอกันสองคนเกี่ยวกับเรื่องของคนที่เข้าสู่ห้วงแห่งนิทรารมย์...จนกรนอุตุไปแล้วในตอนนี้
‘ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง’ (Sound of Shake)
Alfa : ดีเพื่อนผม
TingTing : ดีตอบ จุ๊บๆ
Alfa : เป็นไงวะ เมื่อวานได้เม้าท์กับอัลฟ่ากำมะลอ รู้สึกไงบ้าง
TingTing : จะรู้สึกอะไร้...ก็รู้สึกเหมือนคุยกะนายนั่นแหละ
คนตอบตอบตามอย่างที่ใจคิด...ขณะที่คนอีกฟากของ MSN ชะงักกึก พลางนึกเอะใจ...
Alfa : ฮ่าฮ่า ...เออ ก็เพราะนั่นคือเราไง ฮ่าฮ่า
TingTing : เอ้า ! นั่นเป็นนายจริงเหรอ ก็นึกแปลกใจเหมือนกัน คนอะไรคุยด้วยแล้วจับอารมณ์ไม่ได้เลย
Alfa : ฮ่า ๆ เอ้า ตอนแรกก็บอกแล้วนิ ว่าเป็นเรา แต่นายยังทำเรียบร้อยแนะนำตัวต่อ เราก็เลยสนองเจตนารมณ์ของนายไง เป็นอัลฟ่ากำมะลอให้ซะเลย
TingTing : โห...นะ เพื่อนใครวะ ทำไปด้าย...
Alfa : หุหุ ก็เพื่อนนายไง ฮ่า ๆ แต่นายรู้ไหมว่า ตอนที่เราโต้ตอบกะนายน่ะ อัลฟ่ากำมะลอเป็นคนกำกับสคริปต์พูดเลยนะเว้ย
TingTing : เออ...มิน่าล่ะ...ถึงจับอารมณ์ไม่ได้ว่าจะหญิงหรือจะชายดี ฮ่าฮ่า เออ นายรู้ไหมว่า พี่ซิดนีย์มีเข้ามาคุยหลังไมค์กับเราด้วยนะ บอกว่าอัลฟ่ากำมะลอดุเนอะ...แต่ที่ไหนได้ พี่ซิดนีย์ก็ตกหลุมอำของเพื่อนผมด้วยอีกคน ฮ่า ๆ
Alfa : กั่ก กั่ก ก๊าก ให้มันรู้ซะบ้าง ไผเป็นไผ
TingTing : เออ เป็นเพื่อนเราไง ฮ่าๆ เดี๋ยวนะนาย ไม่เพียงพี่ซิดนีย์เท่านั้นนะเว้ย พี่ซิดนีย์ยังประชาสัมพันธ์ไปถึงไอ้ทิคเก็ตด้วย
Alfa : เหอ...จริงเหรอ ยังไงวะ
TingTing : จะยังไงเล่า ก็แค่เล่าให้ฟังทาง MSN เมื่อเช้านี้ ตอนเที่ยงทิคเก็ตก็กริ๊งกร๊างมาถามด้วยความห่วงใยว่า โดนอัลฟ่ากำมะลอดุยังไงบ้าง ฮ่าฮ่า พี่ซิดนียนี่สมกับเป็นอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์จริง ๆ
Alfa : ฮ่า ๆ ใช่ ๆ เห็นด้วย สรุปตอนนี้ก็มีพี่ซิดนีย์กับทิคเก็ตที่ยังไม่รู้ละสิ ว่าอัลฟ่ากำมะลอที่ทุกคนเข้าใจนั้น คืออัลฟ่าตัวจริงนี่เอง
TingTing : เออสิ... (*o*)
Alfa : ฮ่า ๆ กั่ก ๆ ก๊าก...โดนอำแบบหลอก ๆ กันทั้งยวง ฮ่า ๆ \\^o^//
TingTing : เออ เอ็งเก่ง...เก่งกว่าใครในโลกนี้...แต่ดันเผลอก้าวขาตกหลุมตัวเองหนึ่งก้าว ดันบอกออกมาได้เป็นตัวเอง ฮึ่ม...อย่าให้เจอละกัน เดี๋ยวปั้ด...จับตบแล้วก็จูบซะเลยนิ ฮ่าๆ
Alfa : เอ้า ! ก็เรานึกเอะใจตอนที่นายบอกว่า คุยกะอัลฟ่ากำมะลอก็เหมือนคุยกับเรานี่หว่า เลยห้าสิบ ๆ ว่า นายอาจจะรู้ว่าเป็นเรานิ
TingTing : ฮ่า ๆ เราก็ตอบแบบนี้เสมอแหละ แบบตอบแกมลวงนิด ๆ เผื่อฟลุ๊กทำให้ไอ้คนชอบอำเข้าใจไปอีกทาง ก๊าก ไม่งั้นนายคงไม่ลังเลแบบนี้ ฮ่า ๆ
Alfa : เออ...ให้รู้ซะบ้างว่าไผเป็นไผ...
TingTing : เป็นเพื่อนผมขอรับ (+_+’) (เซ็งห่านเลย...ไอ้เพื่อนผมจะถามประโยคนี้อีกนานไหมวะ...เอ๊ หรือว่าเพื่อนผมเป็นอัลไซเมอร์ จำไม่ได้ว่า เราเป็นเพื่อนของมันหว่า)
หลังจากอาการหลอกแบบอำ ๆ ของคนสองคนเคลียร์จบไปแล้ว...
แต่ลูกโซ่ของคนถูกหลอกอำแบบขำ ๆ ยังไม่จบเท่านั้น เมื่อเสียงริงโทนของติงติงดังขึ้นขณะก้าวเท้าเข้าบ้าน
“ติงติง เมื่อเช้าซิดนีย์เล่าเรื่องเราคุยกับอัลฟ่ากำมะลอให้พี่ฟังน่ะ เห็นบอกว่าอัลฟ่ากำมะลอดูท่าจะดุ จริงเหรอ”
“เหอ ๆ อันนี้ไม่รู้สิพี่ ยังไม่เคยเจอตัวเป็น ๆ แต่ที่รู้ ๆ ตอนนี้ก็คือ พี่อาเธอร์น่ะตกหลุมอำของไอ้อัลฟ่าอีกคนแล้ว ฮ่าๆ”
“หือ...ยังไงล่ะ”
คนปลายสายทำหน้าฉงนแกมงุนงง ขณะฟังเสียงติงติงเล่าให้ฟัง ทันทีที่ฟังจบอาเธอร์ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นผ่านกระบอกเสียงมือถือจนคนได้ยินรีบยื่นมือถือออกห่างหู
“เออ ๆ งั้นติง ๆ อย่าเพิ่งบอกซิดนีย์กับทิคเก็ตนะ รอให้เจอกันก่อน แล้วค่อยเฉลย พี่อยากเห็นหน้าพวกนั้นน่ะว่าจะทำหน้ายังไง ฮ่า ๆ อัลฟ่านี่แสบใช่เล่นเลยนะเนี่ย เล่นอำคนทั้งก๊วนเลย...ฮ่าๆ”
“อือ...ใช่นะสิ ว่าแต่ตะกี้พี่อาเธอร์ชมหรือขบไอ้อัลฟ่ากันแน่เนี่ย”
“ฮ่า ๆ ขบนิดหยอกหน่อยให้รู้สึกเจ็บ ๆ คัน ๆ น่ะ ฮ่า ๆ เออ ว่าแล้วก็แค่นี้ก่อนละกัน ถ้าเป็นแค่เรื่องอำๆ เดี๋ยวพี่จะกลับบ้านแหละ”
“ขอรับท่านพี่อาเธอร์ บายขอรับ”
“บายน้อง”
(*-*!) (+0+’) อาเธอร์วางสายไปแล้ว แต่ติงติงยังคงถือโทรศัพท์ในท่าเดิมพลางคิดถึงคำพูดของอาเธอร์เมื่อครู่นี้...
‘อัลฟ่านี่แสบใช่เล่นเลยนะเนี่ย เล่นอำคนทั้งก๊วนเลย...ฮ่าๆ’
(^_^) หึ หึ ใช่แล้วแหละ...ถ้าให้คนคิดสรุป ก็คงสรุปได้ว่า...
“คนในก๊วนนี้ไม่บ้าอำ บ้ายอ บ้าเที่ยว ก็บ้า ๆ บอ ๆ กันทุกคนละวะ...โฮะ ๆ” พูดกับตัวเองและสายลมยามค่ำคืนตรงระเบียงบ้านจบแล้วก็เดินเข้าบ้านทันที...
*** o [] o’ จบซีรีส์แบบเผา ขบ เจ้าของเรื่องในระยะเผาขน...แต่เรื่องขบกัดยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะยังมีต่อ...และจะต่อไปเรื่อย ๆ หากคนอ่านรีเควสเข้ามา ***
๓ ความคิดเห็น:
คิคิ อำกันแหลก 555
อำกันตลอดคับ ท่านผู้ชม
แล้วจะมีการอำกันอย่างต่อเนื่อง *0*
เอ๊... เด๋วไปคิดมุกก่อนว่าจะอำอะไรดี อิอิ
อ่าห์.....ฮือออออ
ฟืดดดด(ขี้มูกหลอกหลอน)
กระซิก..ฟืดดดดดดด
พี่อัลฟ่าจากลับไปเป็นเด็กแว๊นซ์ซะแระ
ทิ้งน้องตาดำๆให้เผชิญกับเฮียแป๊ะตามลำพัง...
ฮือออออออออออออ!!!
ไม่รู้วันไหนจะถูกจับไปช่วยเชิดสิงโตหาเงินซื้อตั๋ว
วันทูโกก็ไม่รู้...แง๊....กัวววววว ^0^
โชคดีมีชัยไก่ย่าง...
คิดถึงวันคืนที่พรอดรักกับน้องกับเพื่อนเยอะๆนะฮะ
แล้วอย่างลืม
"รักน้องน้อยๆๆ รักน๊านนนาน นะค๊าบ.."
พี่ค๊าบป๋มรักพี่ค๊าบบบ...โย่ว!!!!
ฮือๆ...กระซิกๆ คิดถึงพี่อ่ะค๊าบบบ....
ไม่มีทั่นผู้พิพากษาพิจารณาคดีให้.แล้วจาเป็นไรมั๊ยว๊า
แสดงความคิดเห็น