วันอาทิตย์ที่ ๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๐

Chapter VIII: The Only Happy Word

Chapter VIII: The Only Happy Word
‘พี่ใหญ่ใจละมุน...คนอุ่นรัก’

เวลา 16.30 น.

ตึกตึก...

เสียงฝีเท้าย่ำกระทบพื้นอย่างเร่งรีบดังมาจากถนนสายเดียวที่ทอดยาวไปถึงจุดหมาย นัยน์ตากลมโตของเจ้าของเสียงฝีเท้ามองตรงแน่วไปยังสถานที่นัดพบ...วังข้าวแช่

ระยะทางอีกเพียงไม่ถึงร้อยก้าวก็จะถึงหน้าประตูวังแล้ว...แต่ประตูวังกลับเปิดกว้างออกเสียก่อน เผยให้เห็นคนร่างโปร่งซึ่งเป็นเจ้าของวังกับสาวแน่งน้อยที่มีนามว่า เกี๊ยวกุ้ง

ภาพใบหน้าเกลื่อนไปด้วยรอยยิ้มชื่นมื่นของเกี๊ยวกุ้ง ทำให้คนที่กำลังเร่งฝีเท้าเพิ่มสปีดเร็วขึ้นแล้วไปหยุดอยู่ตรงหน้าคนทั้งสอง

“สวัสดีค่ะพี่ทิคเก็ต” เสียงใส ๆ ร้องทักพร้อมกับหันไปยิ้มให้เจ้าของวังที่เดินออกมาส่ง แล้วพูดว่า “พี่อาเธอร์คะ นี่พี่ทิคเก็ตค่ะ พี่ทิคเก็ตตัวจริง เสียงจริงค่ะพี่อาเธอร์”

คนร่างโปร่ง หน้าหวาน นัยน์ตาพราวด้วยรอยยิ้มสบตาทิคเก็ตเล็กน้อย แต่ก่อนจะได้พูดอะไรออกมา เสียงคนถูกแนะนำตัวก็ดังขึ้นก่อน

“สวัสดีครับพี่อาเธอร์” พร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ทักทาย เช่นเดียวกับพี่อาเธอร์ที่ยกมือขึ้นรับไหว้น้องผู้อาวุโสน้อยกว่าอย่างยินดี

“พี่เพิ่งรู้ว่า ที่ทำงานทิคเก็ตอยู่ใกล้ ๆ กับวังของพี่นี่เอง แบบนี้พี่คงได้โทรช่วยทิคเก็ตออกมากินข้าวด้วยกันบ่อย ๆ” นอกจากพูดแล้วมือก็ล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องจิ๋วออกจากกระเป๋ากางเกง ใช้นิ้วจิ้มจึ๊กๆ ที่ตัวเครื่อง ตามด้วยคำพูด

“อ่ะ ทิคเก็ตบอกเบอร์มา ช่วงกลางวันพี่จะได้โทรชวนทิคเก็ตออกมากินข้าวกัน”

คำถามนั้นเรียกรอยยิ้มจากริมฝีปากบาง ๆ ของเกี๊ยวกุ้งมากขึ้น ตรงข้ามกับอีกคนที่ตอนนี้แม้จะมีรอยยิ้มกระจ่าง แต่แววตาและสีหน้ากลับมีเครื่องหมายคำถามโผล่พรวดขึ้นมาให้เห็น ขณะที่ปากก็บอกหมายเลขของตัวเอง

“เอ้า พี่โทรเข้าละ เมมฯ เบอร์นี้ไว้นะ เบอร์หลัก แต่พี่จำไม่ได้ เลยต้องขอเบอร์ทิคเก็ตก่อนแล้วยิงไปให้ ฮ่าฮ่า เพราะปกติพี่จะใช้อีกเบอร์โทรน่ะ”

‘คนเราจะมีหลายเบอร์ไม่ใช่เรื่องแปลก และยิ่งคนหน้าตาดีอย่างพี่อาเธอร์แล้ว...ถ้ามีเบอร์เดียวสิน่าคิด...’
คำพูดในใจของเกี๊ยวกุ้งกับทิคเก็ตบังเอิญตรงกันอย่างไม่ได้นัดหมาย ส่วนอาเธอร์กลับคิดไปอีกทาง

‘ยิ่งมากเบอร์ยิ่งสับสน...ไหนจะเบอร์หลัก เบอร์กิ๊ก เบอร์เด็ก โอ๊ย...สงสัยต้องรวบเหลือแค่หนึ่งเบอร์แล้วแหละ ไม่งั้นอัลไซเมอร์ได้ถามหา’

“พี่อาเธอร์ค่ะ เกี๊ยวกุ้งดีใจค่ะที่วันนี้ได้มาเจอพี่อาเธอร์ แล้วยังไงเกี๊ยวกุ้งจะโทรมาหาพี่อาเธอร์นะคะ ขอบคุณค่ะ สำหรับอาหารติมซำมื้อบ่าย” เสียงใส ๆ เอ่ยขอบอกขอบใจพี่อาเธอร์...พี่ใหญ่ใจละมุนที่แสนอบอุ่น
ตามด้วยคำร่ำลาอีกหลายประโยคกว่าจะขอตัวไปกับพี่ทิคเก็ต...ไปยังที่นัดหมายอีกแห่ง โดยอาเธอร์ได้พูดประโยคทิ้งท้ายก่อนหันหลังเดินกลับเข้าวังข้าวแช่ตามเดิม

“ทิคเก็ตระวังเกี๊ยวกุ้งหน่อยนะ...ตัวแค่นี้แต่กัดเก่ง ขบเก่ง ที่สำคัญกินเก๊งเก่ง” และนั่นทำให้เจ้าของชื่อที่ถูกกล่าวหาถึงกับสะดุ้งโหยง หันหน้ามาเตรียมโต้กลับ แต่...พี่อาเธอร์ผู้ใจดีและแสนอบอุ่นของน้องเกี๊ยวกุ้งก็ไม่เว้นช่วงให้ รีบพูดต่อ

“แล้วพรุ่งนี้เรากินข้าวด้วยกันนะ ทิคเก็ต” พูดจบก็เดินตัวปลิวพลิ้วผ่านประตูวังเข้าไป โดยมีเกี๊ยวกุ้งยืนเป่าลูกโป่งทำแก้มป่อง ๆ แล้วหันหน้ามาสบตาทิคเก็ตที่ยืนฉีกยิ้มกว้างและกลั้นเสียงหัวเราะไว้ในลำคอดัง ‘หึหึ’

“พี่ทิคเก็ตอ่ะ เกี๊ยวกุ้งไม่ได้เป็นอย่างที่พี่อาเธอร์ว่าสักหน่อย หัวเราะเกี๊ยวกุ้งทำไม” จากเสียงใส ๆ เมื่อครู่ ตอนนี้เริ่มเสียงเริ่มเปลี่ยนเป็นกระเง้ากระงอดแทน พลางส่งค้อนปะหลับปะเหลือกให้ทิคเก็ต

“ฮ่า ๆ พี่ก็ยังไม่ได้ว่าอะไรน้องเกี๊ยวกุ้งเลยน้า...แค่ขำคำแซวของพี่อาเธอร์น่ะ โอ๋ เตะ เตะ เอ๊ย แต่ช้าแต่...พี่อาเธอร์รักดอก จึงหยอกเล่น...ส่วนพี่ก็รักน้อย ๆ แต่ทุกวินาที จึงขำคิก ๆ ไง”

“บ้า...พี่ทิคเก็ตอ่ะ พูดอะไรก็ไม่รู้...” คราวนี้เปลี่ยนจากส่งค้อนเป็นบิดตัวไปบิดตัวมา พร้อมกับเหวี่ยงแขนไปมาก่อนจะ ตบเบา ๆ เข้าที่ไหล่ แล้วพูดน้ำเสียงท่าทางกระมิดกระเมี้ยน

“รักน้อย ๆ แต่ทุกวินาที ฮิฮิ เขินจัง แบบนี้เกี๊ยวกุ้งก็ต้องรักพี่ทิคเก็ตมาก ๆ แต่รักแค่วินาทีเดียว ใช่ไหมคะ ฮิฮิ” พูดจบก็ระเบิดเสียงหัวเราะคิกคัก เมื่อเห็นทิคเก็ตทำหน้าปุเลี่ยน ๆ

“หึ ๆ ถ้ารักแค่วินาทีเดียว ก็ไม่ต้องไปหาพี่ติงติง กับเจ้าโอปอลละกันนะ ยัยเกี๊ยวกุ้งหัวใจมด” ตามด้วยเสียง ‘ชิ’ จากนั้นก็สะบัดก้นค่อย ๆ เดินห่างออกไป ปล่อยให้คนหัวใจมดเร่งเท้าเดินตาม ปากก็พูดพร่ำเสียงง่องแง่งว่า

“พี่ทิดเก็ตไม่รักเกี๊ยวกุ้งจริง ๆ นั่นแหละ ดูสิ ทิ้งน้องต่างด้าวให้หลงทาง แบบนี้เกี๊ยวกุ้งจะฟ้องพี่อาเธอร์ พี่ซิดนีย์ พี่ติงติง พี่กุ๊กก้า พี่โอปอล ว่าพี่ทิคเก็ตน่ะใจร้าย”

“โห น้องเกี๊ยวกุ้ง” น้ำเสียงเหลือทนของทิคเก็ตดังขึ้นพลางหันหน้ากลับมามองแม่คนช่างฟ้อง

“จะฟ้องทั้งที ทำไมไม่ฟ้องให้หมดก๊วนเลยล่ะ จะเหลือพี่อัลฟ่าอีกคนไว้ทำไม หา ยัยน้องเกี๊ยวกุ้ง”

“ฮิ ๆ ถ้าเกี๊ยวกุ้งฟ้องพี่ ๆ เขาหมดทุกคน...เกี๊ยวกุ้งก็ดูใจร้ายเกินไปนะสิ เกี๊ยวกุ้งก็เลยยกหน้าที่โอ๋ เตะ เตะ ให้พี่อัลฟ่าคอยปลอบพี่ทิคเก็ตไงค้า ฮิฮิ” คนพูดยื่นหน้าหลิ่วตาประกอบ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นฉอเลาะตามสไตล์ของสาววัยละอ่อนกว่า ด้วยการคว้าหมับเอาแขนล่ำ ๆ ของพี่ทิคเก็ตมาเกาะไว้เพื่อป้องกันการหลงทาง แล้วฉีกยิ้มกว้างเท่าที่คิดว่าน่ารักที่สุดส่งให้

“ปะ ไปกันเถอะ เดี๋ยวพี่ ๆ จะคอย”

ส่วนทิคเก็ตได้แต่ทำหน้าเหลอ ๆ เหวอ ๆ สาเหตุเพราะ...‘ยัยน้องเกี๊ยวกุ้งนี่ น่ากลัวสุด ๆ ต้องระวังทุกคำพูดถ้าไม่อยากลับฝีปากกับยัยน้องแสนซนคนจิตวิทยาคนนี้’ แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่ความคิดชั่วประเดี๋ยวประด๋าว ขัดกับแววตาที่มองน้องต่างด้าวด้วยความเอ็นดู

วันรวมพลครบก๊วน

Sydney : เอ้าทุกคน เดี๋ยวพี่พาพี่อาเธอร์มาแนะนำให้รู้จักนะคะ

เกี๊ยวกุ้ง : เย้ เย้ ปิ๊ดปี้ปิ๊ด...ใช่ ๆ พี่อาเธอร์ใจดี๊ ใจดี

Ticket : อืม ๆ ...ดีดี...คนหล่ออย่างทิคเก็ตก็อยากรู้จักพี่อาเธอร์เหมือนกัน

Opal : พี่อาเธอร์นี่คือใครเหรอ พี่ซิดนีย์ เกี๊ยวกุ้ง

Sydney : พี่อาเธอร์ก็คือ พี่ใหญ่ใจดีและคุยสนุกไงจ้ะ

เกี๊ยวกุ้ง : ใช่ ๆ พี่อาเธอร์คือ พี่ใหญ่ใจละมุน คนอบอุ่น จนสัมผัสได้ถึงอุ่นไอรัก ฮิฮิ

Ticket : โห น้องเกี๊ยวกุ้ง ไม่ค่อยภูมิใจเสนอเลยนะนั่น

เกี๊ยวกุ้ง : เอ้า ไม่ได้หรอกค่ะ พี่ทิคเก็ต...มีคนดีเกี๊ยวกุ้งก็ต้องนำเสนอสิคะ อิอิ

Ticket : ครับ ๆ ยัยน้องพีอาร์แสนน่ารัก หุหุ

พรึ่บ...แวบ (Sound of share)

Arther [Mode I’m working] : สวัสดีน้อง ๆ

Ticket : สวัสดีครับพี่อาเธอร์ ป๋มทิคเก็ตคร้าบ

Opal : สวัสดีพี่อาเธอร์ โอปอลงับ

Kookka : สวัสดีค่ะพี่อาเธอร์ ตอนนี้ยุ่งอยู่เหรอพี่

Arther : ใช่น้อง อาจตอบช้าและผลุบ ๆ โผล่ ๆ หน่อยนะ

Ticket : ถ้าเป็นพี่อาเธอร์ผลุบ ๆ โผล่ ๆ ทิคเก็ตไม่ว่า แต่ถ้าหายไปให้น้องคิดถึงนี่สิพี่...อาจมีเคือง

Arther : เอ้า ถ้าระคายเคืองก็นี่สิ แม็ก 77 หรือยาธาตุน้ำขาว...ช่วยได้

Ticket : =o=’ โห...มุกพี่ใหญ่ของตู ทำมั้ย ทำไมถึงได้ ตุ่น เช่นนี้หนอ

Arther : ฮ่า ๆ ตุ่นหน่อยนะน้อง เพราะพี่น่ะรุ่นใหญ่ ไม่ใช่รุ่นเล็กเหมือนน้องนิน่า

Ticket : คร้าบ...พี่อาเธอร์พี่ป่มคร้าบ...

หลังจากรวมพลครบก๊วน วาทะก่อกวนชวนปั่นป่วนและรวนเรกันเป็นทิวแถวก็เกิดขึ้น เมื่อมีใครคนหนึ่งขึ้นลำกล้องเตรียมส่งมุก อีกคนก็เข้ามาช่วยเสริม ส่วนคนรับถ้ารับมุกได้ก็มีฮา แต่ถ้ารับไม่ทันก็เกิดอาการหน้ามืด มึนงง แกมฉงนเล็กน้อยด้วยตามไม่ทัน

เมื่อสมควรแก่เวลา Sing out… ทุกคนก็หันมาหยอดคำหวานจนดูปานจะรักกัน...(ซึ่งจริง ๆ แล้วก็รักกันนั่นแหละ แต่รักวันละนิด ไม่มากไม่มาย เพราะยังต้องเป็นเพื่อนรักกันอีกนาน ๆ)

[O_O ใครอ่านแล้วเกิดอาการงุนงง ต้องการสอบถาม กริ๊งกร๊างถามเจ้าหนูจำไมหรือโอปอล มาเฟียวัยรักได้เคอะ...เพราะรายนี้ยิ่งกว่าอับดุล ถามอะไรตอบได้โหม้ด]

“พี่ วันนี้เราชวนทุกคนไปดินเนอร์ที่ร้านอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยากันเถอะ” เสียงตะแหง่ว ๆ เจ้าเดิมดังมาตามสัญญาณมือถืออีกครั้ง และครั้งนี้เขาก็ได้รับคำตอบสมใจ

“ไปสิ ดินเนอร์ เม้าท์ และสุดท้ายก็ดิ้น ดิ้นกันไหมลุง”

“โห พี่ เพลงสมัยไหนล่ะนั่น เก่าจริง ๆ” เสียงตะแหง่ว ๆ แกมเยาะยังคงดังกลับมา แต่ใบหน้าคนพูดยิ้มร่า ...ส่วนก้นก็ส่ายไปมาเพราะความดีใจ พลางนึก

‘ได้ดินเนอร์พร้อมหน้าพร้อมตากันแล้ว ยะฮู้’ (หากนึกไม่ออก ลองจินตนาการภาพสุนัขตัวโปรดดีใจแล้วกระดิกหาง นั่นแหละ น้องทิคเก็ต ฮ่าฮ่า)

“ทำเป็นถาม...เนื้อเพลงก็ออกจะบอกว่า สมัยคุณลุงไง ไม่งั้นเค้าจะร้องถามเหรอว่า ดิ้น ดิ้น ดิ้นกันไหมลุง เรอะ ไอ้น้องจิตตก”

“แหง่ะ ไม่น่าถามเลยตู งั้นแค่นี้นะพี่เดี๋ยวทิคเก็ตโทรแจ้งพี่ ๆ น้อง ๆ ก่อน”

“อือ ตามสบาย หวัดดี” เสียงตอบกลับมาสั้น ๆ ได้ใจความ ก่อนจะตัดสัญญาณหายแวบไป

“พี่อัลฟ่าค่ำนี้ว่างชิมิ” เสียงตะแหง่วเดิม ๆ ส่งเสียงข้ามสัญญาณมาหาอัลฟ่าที่ตอนนี้เป็นเวลาเกือบเที่ยงแต่คนถูกโทรหายังคงนอนกลิ้ง ๆ เกลือก ๆ อยู่บนเตียงนอนแสนนุ่ม

“ว่างเคอะ” เสียงงัวเงียตอบกลับมา ก่อนจะตามด้วยคำถามสำเร็จรูปที่ทุกคนต้องถาม

“ค่ำนี้จะไปไหนหรอ”

“Have a dinner at กินลมชมสะพาน กันครับพี่อัลฟ่า”

“งั้นเจอกันสองทุ่มน่ะ” เสียงตอบกลับมาพร้อมเวลา Have a dinner

“ครับป๋ม งั้นเชิญพี่อัลฟ่าบรรทมต่อเถอะ...เดี๋ยวน้องทิคเก็ตจะจรลีไปบอกกล่าวเล่าความให้คนอื่น ๆ ได้รับทราบ ชะเอิง ๆ เอย” ร้องลิเกจบ เสียงทิคเก็ตก็หายไปพร้อมกับสัญญาณเงียบ ส่วนคนงัวเงียก็หลับคาโทรศัพท์มือถือต่ออีกระลอก

หลังจากทิคเก็ตทำหน้าที่กระจายข่าวเชิญชวนกันไปดิ้น เอ๊ย ดินเนอร์ครบทุกคนแล้ว...ตอนนี้ก็รอเวลาเท่านั้น...รอให้ถึงเวลาได้เฮฮาปาร์ตี้ ได้กระดี๊กระด๊าดังปลากระดี่ได้น้ำ...น้ำอัดลม น้ำเมรัย และได้เล่นสงครามน้ำลายในช่วงค่ำคืนที่กำลังจะมาถึง ณ ชานเรือนร้านอาหารที่นัดกันไว้

ความสนุกสนาน ความฮาเฮ ...มุกขบกัดกับสไตล์การอำแบบขัน ๆ ยังไม่จบ เพราะกำลังจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง... แล้วพบกันใน...

“Part II : Friend’s Life Between Mind & Heart”

๒ ความคิดเห็น:

Another sunny day กล่าวว่า...

ขอตอบแทนพี่ ๆทู้กคนนนนนนน ว่า
พี่ ๆ ก็รักเกี๊ยวกุ้งน้องนุชสุดท้องจ้า....

เอ๋..ทำไมตอนพี่ใหญ่หัวใจละมุน คนอุ่นรัก
เกี๊ยวกุ้งถึงโดนเผาเข้าไปเต็ม ๆ หนักกว่าพี่ใหญ่อีกนะเนี่ย...

ป.ล. พี่ใหญ่ฝากมาบอกว่า เพื่อไม่ให้เกิดอัลไซเมอร์ ต้องเคลียร์เบอร์บ่อย ๆ จ้า อิอิ

Perodua กล่าวว่า...

[O_O ใครอ่านแล้วเกิดอาการงุนงง ต้องการสอบถาม กริ๊งกร๊างถามเจ้าหนูจำไมหรือโอปอล มาเฟียวัยรักได้เคอะ...เพราะรายนี้ยิ่งกว่าอับดุล ถามอะไรตอบได้โหม้ด]

อ่านะ..อุตส่าห์มีส่งเครดิตมาให้โอปอล..ได้แสดงสถานภาพอับดุลกันซะง๊าน...โฮ่ๆๆ นึกว่าจะลืมกันปายหมดแย๊ว...ยังอุตส่าห์จำกันได้อี๊กกก....55555

ค้นของเก่า